บทความโดย จันโททัย กลีบเมฆ อดีตศึกษานิเทศก์ สพฐ. : เขียน
คิดไปคิดมาก็เห็นว่าการศึกษาของไทยเรา จะให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเดียวคงไม่ได้แล้ว เพราะหลายสิบปีที่ผ่านมาหลายหน่วยงานรอบ ๆ โรงเรียน ไม่ค่อยมีบทบาทในการที่จะเข้าไปช่วยเหลือการศึกษา
ต่อไปนี้ จึงขอเสนอให้หลายหน่วยต้องช่วยเหลือการศึกษา โดยเฉพาะในโรงเรียนที่อยู่ต่างจังหวัด จำเป็นอย่างมากทีเดียว ขอเสนอแนะ ดังนี้
1 ครอบครัว ครอบครัวใดที่ต้องการให้การศึกษาลูกเอง ก็ต้องเปิดโอกาสให้เขาโดยมีสิทธิ์ที่ครอบครัวจะให้การศึกษาลูกหลานแทนระบบโรงเรียนได้ นอกจากนี้ โรงเรียนควรเชิญผู้ปกครองบางคนหรือหลายคนมาสอนเด็ก ๆ ในโรงเรียนบ้าง เพราะผู้ปกครองหลายคนเก่งหลายด้านมีความเชี่ยวชาญ เช่น เป็นนักกีฬาประเภทต่างๆมาเก่าก่อน เป็นนักศิลปะหัตถกรรม หลายคนเก่งด้านขับร้องและดนตรี ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อนักเรียนทั้งสิ้นและคิดว่าผู้ปกครองที่มีความชำนาญในหลายเรื่องก็ต้องไม่ปฏิเสธเพราะเท่ากับช่วยเหลือเด็กๆในชุมชนด้วย
2 ชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น ทุกวันนี้ โรงเรียนเหมือนกับจะแยกตัวและแยกเด็กนักเรียนออกจากชุมชน ทำให้การศึกษาของเราเป็นเครื่องมือที่แบ่งแยกคนไทยออกจากฐานทางวัฒนธรรมของตนเอง ชุมชนกับโรงเรียนต้องเชื่อมต่อและส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั้งครูและนักเรียนต้องมีโอกาสเรียนรู้กับปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งคงจะดีกว่าและสนุกสนานกว่าการสอนท่องจำอยู่แต่ในโรงเรียนเป็นอย่างมาก ถ้าคืนโรงเรียนให้กับชุมชน สังคมไทยเหมือนกับจะสมัครสมานสามัคคีกันเข้ามา ไม่เกิดรอยแตกแยกหรือร้าวลึกทะเลาะเบาะแว้งกันในบางท้องถิ่นเช่นในปัจจุบัน
3 องค์กรทางศาสนา โดยเฉพาะวัดในพระพุทธศาสนา ที่คงจะกระจัดกระจายมีอยู่ทั่วประเทศ ควรให้วัดที่มีความพร้อม และประสงค์จะไปช่วยจัดการศึกษาในโรงเรียน หรือช่วยสอนในโรงเรียน จึงแตกต่างไปจากที่กระทรวงศึกษาธิการจะสามารถจัดได้ เพื่อความแปลกใหม่ ความหลากหลายและแสวงหาคำตอบที่หลายเรื่องในโรงเรียนของรัฐบาลก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ได้ เช่น คุณธรรมจริยธรรม ถ้าวัดเข้ามามีบทบาททางการศึกษา ก็จะช่วยกระตุ้นให้วัดมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วย ช่วยกระตุ้นการศึกษาและบทบาทของพระสงฆ์ในสังคมเป็นการเชื่อมบ้าน วัด และโรงเรียนเข้าด้วยกันอย่างดีครับ
4 สื่อมวลชนและสื่อเพื่อการศึกษา สื่อมวลชนทุกประเภท ควรจะสามารถเข้าถึงประชาชนได้โดยกว้างขวาง แต่ขณะนี้ยังใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาในโรงเรียนน้อยเกินไป แต่เป็นการกระตุ้นให้สังคมฟุ้งเฟ้อ ๆ และสร้างคุณค่าทางรถต่าง ๆ แต่ยังขาดการผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างสื่อการเรียนที่จะช่วยให้การเรียนรู้ของเด็กมีความง่ายขึ้น มีความสนุกสนานและประหยัดเวลาดีด้วย
5 องค์กรพัฒนาเอกชน ควรเข้ามาร่วมจัดการศึกษาทุกประเภท เช่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม สโมสรต่างๆ สมาคมการท่องเที่ยว สมาคมกีฬาจังหวัด ชมรมที่อยู่ในทุกจังหวัดอย่างกับชมรมประวัติศาสตร์ของทุกจังหวัด สภาวัฒนธรรมจังหวัด เหล่านี้ควรเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความรู้ในโรงเรียนบ้างตามจังหวะและโอกาสอันเหมาะสม
6 กองทัพ โดยปกติกองทัพมีทรัพยากรมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศและกองทัพตำรวจ ล้วนแต่มีทรัพยากรรวมทั้งสื่อ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หรืออื่น ๆ ควรจะมีส่วนร่วมในการศึกษาเรียนรู้แก่โรงเรียนในต่างจังหวัดได้มากทีเดียว แม้กระทั่งเข้าไปช่วยสอนในโรงเรียนที่ขาดแคลนครู
7 ข้าราชการครูที่เกษียณแล้วหรือรับบำนาญอยู่ ยังมีอีกมากที่ยังมีสุขภาพแข็งแรง สติปัญญายังดีเยี่ยมและมีความพร้อมในด้านอื่น ๆ ควรจะเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือโรงเรียนในต่างจังหวัดได้ดีมากทีเดียว โดยเฉพาะในโรงเรียนที่ยังขาดแคลนครูผู้สอนในโรงเรียนขนาดเล็กต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัญหาเป็นหนามยอกอกของกระทรวงศึกษาธิการมาทุกยุคทุกสมัย เห็นว่าครูบำนาญนี่แหละ จะช่วยเหลือการขาดแคลนครูในโรงเรียนต่าง ๆ ได้ดี
ที่ผ่านมาน่าเสียดายที่เรามองข้ามครูที่เกษียณไปแล้วอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ลองกลับมาทบทวนใหม่น่าจะเกิดประโยชน์ที่ดีต่อวงการศึกษาได้มาทีเดียว โดยไม่ต้องเสียงบประมาณค่าเหนื่อยหากเขตพื้นที่การศึกษาและศึกษาธิการจังหวัด จะช่วยกันดูแลและมีจิตวิทยาที่จะขอความอนุเคราะห์ครูบำนาญเหล่านี้
8 ครูฝึกสอนของมหาวิทยาลัยราชภัฏต่าง ๆ จะต้องเข้ามามีบทบาทช่วยเหลือการศึกษาในต่างจังหวัดให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะโรงเรียนประถมหรือมัธยมที่ขอความร่วมมือขอครูฝึกสอนหรือนักศึกษาฝึกสอนไปช่วยเหลือโรงเรียนที่ขาดแคลนครู
มหาวิทยาลัยราชภัฏ ไม่ควรส่งนักศึกษาฝึกสอน เพื่อไปสอนตามความต้องการของราชภัฏเอง ควรสนองต่อโรงเรียนต่าง ๆ ที่ขอความช่วยเหลือขอความร่วมมือมาควรให้การสนับสนุนเป็นอย่างยิ่งจะเกิดผลประโยชน์แก่การศึกษาในต่างจังหวัดมากที่สุดครับ
ที่มา ; edunewssiam