ค้นหา

การคัดเลือกครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ สพฐ. ปี พ.ศ. 2567

 

 

ข้อมูลอ้างอิง

  • สพฐ.แจ้ง สพท.ให้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2567 >>>
  • ตัวอย่างประกาศสอบ >>>>
  • หลักเกณฑ์ตัวชี้วัดการให้คะแนน>>>

 

ข่าวเกี่ยวกัน

สพฐ. กำชับเขตพื้นที่ฯ สอบครู-ผู้บริหาร ต้องโปร่งใส สั่งตั้งศูนย์ติดตามทุจริต

กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ และการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ.

2567 เพื่อสรรหาบุคคลที่เหมาะสมในตำแหน่งครูผู้ช่วย และผู้บริหารสถานศึกษา ให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย เตรียมพร้อมปฏิบัติหน้าที่ครบทุกโรงเรียนก่อนการเปิดภาคเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2567 และมีเสียงสะท้อนบนสื่อออนไลน์ ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการสอบคัดเลือกฯ นั้น 

นายสุรินทร์ กล่าวว่า ในประเด็นดังกล่าว ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับทราบและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ ตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ยึดถือระบบคุณธรรมและความโปร่งใส โดยในส่วนของกระบวนการสอบคัดเลือกฯ เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ นำโดยพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ได้มีนโยบายให้สถานศึกษาในสังกัดทั่วประเทศมีผู้บริหารและครู ครบทุกโรงเรียนก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2567

สพฐ. จึงได้กำหนดปฏิทินการสอบคัดเลือกฯ เพื่อให้ทันตามกำหนดดังกล่าว ซึ่งในส่วนของการดำเนินการจัดสอบ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีมติ ตาม ว2/2567 กำหนดให้ส่วนราชการ (สพฐ.) เป็นผู้บริหารจัดการข้อสอบ ในการสอบคัดเลือกครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาม ว16/57 และ ว17/57 ส่วนการสอบผู้บริหารสถานศึกษา เป็นอำนาจหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ เขตพื้นที่การศึกษา ในการบริหารจัดการ และเพื่อให้กระบวนการสอบคัดเลือกเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากบุคคลภายนอก

ทาง สพฐ. ได้มีหนังสือกำชับไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ เขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต เรื่องมาตรการป้องกันการทุจริตในการสอบคัดเลือกฯ ซึ่งผู้บริหารทุกระดับและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการที่เกี่ยวข้อง หากมีการฝ่าฝืนและเกิดความเสียหายต่อทางราชการ จะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ มาตรการป้องกันการทุจริต ยังรวมถึงการห้ามมิให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือบุคลากรของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ กระทำการใดๆ ที่มีเจตนาเป็นการกวดวิชา จัดทำเอกสาร จำหน่าย แจก หรือกระบวนการอื่นใดที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เข้ารับการคัดเลือกฯ และห้ามมิให้แต่งตั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดกวดวิชา หรือสถานศึกษาที่จัดกวดวิชา เป็นกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกอย่างเด็ดขาด

โดย สพฐ. และมหาวิทยาลัยที่สพฐ. ประสานบริการจัดการข้อสอบ ได้จัดตั้งศูนย์ติดตามข่าวทุจริตและการติวสอบทั่วประเทศ เพื่อกำชับไม่ให้บุคลากรดังกล่าวเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอบทุกกรณี นอกจากนี้ สพฐ. ยังได้กำหนดหลักเกณฑ์การให้คะแนนการสอบ ภาค ข และภาค ค ให้เป็นวิทยาศาสตร์มากที่สุด เพื่อให้เกิดความยุติธรรม มีความเสมอภาค และเท่าเทียมสำหรับผู้เข้าสอบทุกคน ดังนั้น เรื่องที่กังวลว่าจะมีการทุจริตในการสอบนั้น ไม่มีช่องทางใดเลยที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะที่ผ่านมา ยกเว้นว่าจะมีผู้แอบอ้าง จึงขอให้ผู้ที่จะเข้ารับการคัดเลือกฯ ระวังอย่าตกเป็นเหยื่อและควรตระหนักถึงผลกระทบในอนาคตที่เกิดขึ้น

หากกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ เพราะนอกจากจะถูกปรับให้เป็นผู้สอบตกไม่สามารถเข้ารับราชการได้แล้ว ยังอาจส่งผลให้ผู้ทุจริตตกเป็นผู้ขาดคุณสมบัติที่จะเข้ารับราชการ ซึ่งเป็นผลกระทบที่ร้ายแรงแก่ตนเองตลอดทั้งชื่อเสียงและเกียรติยศของวงศ์ตระกูลอีกด้วย

เลขาธิการ สพฐ. ได้เน้นย้ำตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ที่มีความห่วงใยต่อการสอบคัดเลือกฯ ข้าราชการครู และผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อให้ครบทุกโรงเรียนก่อนการเปิดภาคเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2567 โดยกำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ให้ดำเนินการอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม รวมถึงผู้เข้ารับการคัดเลือก ขอให้ระมัดระวังพฤติกรรมของบุคคลที่อาจแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หากมีการแอบอ้างว่าตนเป็นคนสนิท ใกล้ชิดหรือเป็นญาติกับผู้อำนวยการ หรือผู้ใหญ่ในวงการศึกษา หรือวงราชการ หรือกรรมการดำเนินการสอบ

สามารถจะช่วยให้สอบได้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น อ้างว่าสามารถนำข้อสอบมาให้ศึกษาดูก่อนสอบได้ โดยเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้สมัครที่หลงเชื่อ ขอให้ผู้เข้ารับการคัดเลือก ตรวจสอบแหล่งข่าวหรือข้อมูลหากเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหรือลูกจ้างในสังกัด จะดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง และขอให้แจ้งมายัง สพฐ. โดยทันที เพื่อหาทางป้องกัน แก้ไข และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการคัดเลือกบุคคลครั้งนี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม อย่างแท้จริง” ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. กล่าว 

เกี่ยวข้องกัน

แห่สมัคร ครูผู้ช่วย ว16-ว17 กว่า 2 หมื่นราย รับ 3.7 พันอัตรา บิ๊กร.ร. สมัคร กว่า 6.4 พัน รับ 1.6 พัน สพฐ. คลอดมาตรการสกัดทุจริต ห้ามติว ประสาน ป.ป.ช.จัดทีมเอกซเรย์เข้ม 

เมื่อวันที่ 22 เมษายน นายสุรินทร์ มั่นประสงค์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประกาศปฏิทินการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็น หรือมีเหตุพิเศษ (ว16) และในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ว17) และการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. พ.ศ. 2567 

การคัดเลือกบุคคลฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ สังกัด สพฐ. พ.ศ. 2567

รับสมัครตั้งแต่วันที่ 5 – 11 เมษายน 2567 ที่ผ่านมานั้น มีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เปิดรับรวม 241 เขต ใน 54 กลุ่มวิชา มีตำแหน่งที่จะทำการคัดเลือก 3,796 อัตรา แบ่งเป็น ว16 จำนวน 3,515 อัตรา ว17 จำนวน 281 อัตรา สมัครรวม 20,188 ราย แบ่งเป็น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) 181 เขต มีผู้สมัคร รวม 15,004 ราย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 59 เขต มีผู้สมัคร 2,350 ราย และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) มีผู้สมัคร รวม 2,834 ราย 

ทั้งนี้จะดำเนินการประเมินประวัติและผลงาน วันที่ 24 – 29 เมษายน 2567 สอบข้อเขียน ภาค ก ความรอบรู้ และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฏิบัติของวิชาชีพครู และภาค ข ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 สอบสัมภาษณ์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2567 ประกาศผลการคัดเลือก ภายในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 และรายงานตัวเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง วันที่ 14 พฤษภาคม 2567

การคัดเลือกฯ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ. 2567 (16/2565)

ซึ่งรับสมัครคัดเลือกตั้งแต่วันที่ 5 – 11 เมษายน 2567 นั้น มีเขตพื้นที่ฯ ประกาศรับรวม 148 แห่ง อัตราว่าง รวม 1,668 อัตรา แบ่งเป็น รองผู้อำนวยการสถานศึกษา 802 อัตรา ผู้อำนวยการสถานศึกษา 866 อัตรา มีผู้สมัครคัดเลือกฯ รวม 6,432 ราย แบ่งเป็น รองผู้อำนวยการสถานศึกษา 3,640 ราย ผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 2,792 ราย สอบข้อเขียน ภาค ก ความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ ภายในวันที่ 27 เมษายน 2567 ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ภาค ก และมีสิทธิเข้ารับการประเมิน ภาค ข และภาค ค ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ยื่นเอกสารประกอบการประเมิน ภาค ข และภาค ค ระหว่างวันที่ 2 – 4 พฤษภาคม 2567 จากนั้นทำการประเมิน ภาค ข (ประวัติ ประสบการณ์ ผลงาน) และภาค ค (ความเหมาะสมกับตำแหน่ง) ระหว่างวันที่ 7 – 9 พฤษภาคม 2567 สอบสัมภาษณ์ วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ประกาศผลการคัดเลือก ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 บรรจุและแต่งตั้ง วันที่ 14 พฤษภาคม 2567 

การจัดสอบครั้งนี้ ส่วนกลางจะเป็นผู้บริหารจัดการข้อสอบเอง เพื่อแก้ปัญหามาตรฐานข้อสอบ และป้องกันการทุจริต โดยขณะนี้ได้คัดเลือกมหาวิทยาลัยที่มีประสบการณ์ในการจัดสอบมาดำเนินการออกข้อสอบเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันยังส่งหนังสือแจ้งมาตรการป้องกันการทุจริง การคัดเลือกครูผู้ช่วยว1617 และการคัดเลือกรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา ไปยังเขตพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้ 1.ห้ามไม่ให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ ผู้อำนวยการสศศ. รวมทั้งข้าราชการเจ้าหน้าที่ในสังกัดสพฐ. เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทำการใด ๆ ที่มีเจตนาเป็นการกวดวิชา จัดทำเอกสาร จำหน่าย แตก หรือกระบวนการอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เข้าสอบโดยเด็ดขาด และให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ ผู้อำนวยการสศศ. แจ้งบุคลากรในคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.)เขต/สศศ. ให้รับทราบเรื่องดังกล่าวด้วย 

อีกทั้งยังขอให้ช่วยสอดส่องกำกับ ดูแลเจ้าหน้าที่ในสังกัด และเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต รวมทั้งป้องกันไม่ใช่มีการแสวงหาผลประโยชน์ในการสอบ และให้กำหนดบุคคลในทางลับเพื่อตรวจสอบ ติดตาม บุคคลที่มีพฤติการณ์ดังกล่าว และไม่ให้มีการแต่งตั้งเป็นกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการสอบ อย่างไรก็ตามก่อนหน้าที่จะมีผู้ส่งหนังสือแจ้งมาตรการป้องกันการทุจริตไปยังเขตพื้นที่ พบว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนบางแห่ง ซึ่งมีประสบการณ์มีการจัดติวให้กับบุคลากรของตัวเอง แต่เมื่อสพฐ. มีหนังสือสั่งการอย่างเป็นทางการลงไป ก็ได้มีการยกเลิก ซึ่งยังถือว่าไม่มีความผิด แต่หากพบว่ามีการจัดติวหลังจากนี้จะถือว่า มีความผิดทันที ซึ่งขอให้ช่วยกันสอดส่องหากพบเบาะแสการทุจริงให้แจ้งมาที่สพฐ. เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป รวมถึงประสานคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ออกตรวจทุกพื้นที่ โดยสพฐ.จะเอกซเรย์ ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นสีแดง และสีเหลือง จะจัดทีมผู้บริหารลงพื้นที่เพื่อดูแลป้องกันอย่างรอบด้าน” นายสุรินทร์ กล่าว 

ที่มา ; มติชนออนไลน์ วันที่ 22 เมษายน 2567