งานดี เงินดี ชีวิตก็ดีไปด้วย เปิด 10 ประเทศคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกปี 2024 ‘เดนมาร์ก’ มาแรงอันดับ 1 ส่วน ‘ไทย’ ตกไปอันดับ 35
US News and World Report ได้จัดทำรายงานจัดอันดับ “ประเทศที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก” ประจำปี 2024 ผลปรากฏว่า ประเทศ ‘เดนมาร์ก’ ขึ้นแท่นอันดับ 1 ประเทศคุณภาพชีวิตดีที่สุดของโลก
โดยวัดผลจากเกณฑ์หลายด้าน แล้วพบว่า รัฐบาลเดนมาร์กทำผลงานดีในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา การบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข เสถียรภาพทางการเมือง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ฯลฯ
โดยวัดผลจากเกณฑ์หลายด้าน แล้วพบว่า รัฐบาลเดนมาร์กทำผลงานดีในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา การบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข เสถียรภาพทางการเมือง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ฯลฯ
อีกทั้งเดนมาร์กยังถูกยกให้เป็นประเทศอันดับ 1 ที่ผู้ย้ายถิ่นฐาน มีความพึงพอใจในด้านอาชีพการงาน, ด้านโอกาสในการทำงาน และ ด้านความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน (Work-life Balance)
สำหรับลิสต์รายงาน 10 ประเทศคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกปี 2024 ได้แก่
ขณะที่เมื่อค้นหาว่าประเทศแถบเอเชีย มีประเทศใดบ้างที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกติดอันดับต้นๆ ทั้งนี้ หากนับเฉพาะ 35 อันดับแรก (จากทั้งหมด 89 ประเทศ) พบว่า ประเทศญี่ปุ่น ติดอันดับ 14, สิงคโปร์ ติดอันดับ 23, เกาหลีใต้ ติดอันดับ 25, จีน ติดอันดับ 26, มาเลเซีย ติดอันดับ 33 ส่วน “ประเทศไทยรั้งอันดับ 35 ของโลก”
เดนมาร์ก’ ขึ้นแท่นอันดับ 1 ประเทศคุณภาพชีวิตดีที่สุดของโลก
หากเปรียบเทียบกับการจัดอันดับเมื่อปีที่แล้ว พบว่า เดนมาร์กขยับขึ้นจากอันดับ 4 ในปี 2023 ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในการจัดอันดับของปีนี้ ทั้งนี้ ประเทศเดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์ เป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคทางวัฒนธรรมของยุโรปตอนเหนือที่เรียกว่า “สแกนดิเนเวีย”
เอลเลียต เดวิส (Elliott Davis) ผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าว U.S. News and World Report บอกว่า เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีผลงานดีในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา การดูแลสุขภาพ เสถียรภาพทางการเมือง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และอื่นๆ ดังนั้น จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดจึงสรุปได้ว่า เดนมาร์กเป็นประเทศที่สามารถดูแลพลเมืองเป็นอย่างดี และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัยได้
แม้ว่าชาวเดนมาร์กจะเป็นพลเมืองที่เสียภาษีสูงที่สุดในโลก (สูงถึง 50% ของรายได้) แต่ก็ถูกชดเชยด้วยระบบการรักษาพยาบาลส่วนใหญ่ในประเทศที่ฟรี เด็กๆ ได้รับการอุดหนุนค่าเลี้ยงดูจากรัฐ นักศึกษาไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียน และยังได้รับทุนเพิ่มเติมที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายระหว่างเรียนอีกด้วย ส่วนผู้สูงอายุก็จะได้รับเงินบำนาญ และมีบริการการดูแลจากภาครัฐ
นอกจากนี้ เดนมาร์กยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศอันดับ 1 ที่ผู้ที่ย้ายถิ่นฐานมีความพึงพอใจในด้านอาชีพการงาน โอกาสในการทำงาน ความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน และอื่นๆ มากที่สุด จากผลสำรวจ Expat Insider ในเดือนกรกฎาคม 2024 โดย InterNations ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์ระดับโลกสำหรับผู้ที่ย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ รายงานว่า ชาวต่างชาติในเดนมาร์กประมาณ 84% พึงพอใจกับความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 60%
อีกทั้งในรายงานความสุขโลกประจำปีนี้ เดนมาร์กยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกอีกด้วย โดยเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของประเทศ ระบุว่า การที่เดนมาร์กอยู่ในอันดับสูงนั้นเป็นผลมาจากความเท่าเทียม และความรับผิดชอบต่อสวัสดิการสังคมของประเทศ โดยทั้งสองสิ่งนี้เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้พวกเขามีความสุขที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกดังกล่าว
สหรัฐอเมริกาหล่นจาก TOP 10 ไปไกล ปีนี้อยู่ที่อันดับ 22
หนึ่งในประเทศที่ร่วงจาก TOP 10 ของประเทศที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ ก็คือ “สหรัฐอเมริกา” ซึ่งตกไปอันดับที่ 22 แต่กลับได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่ดีที่สุดโดยรวมประจำปี 2024 ซึ่งคว้าอันดับ 3 มาได้ในการจัดอันดับในภาพรวม
สหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับต่ำในเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับประเทศที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุด โดยอยู่ที่อันดับที่ 57 ในด้านความสามารถในการจ่าย และอันดับที่ 49 ในด้านประเทศที่ถือว่าไม่มีระเบียบราชการ
“พวกเขาทำผลงานได้ค่อนข้างดีเมื่อต้องพิจารณาถึงตลาดงานที่ดีในอันดับที่ 13 ในแง่ของการรับรู้ พวกเขาไม่ได้ถูกมองว่ามอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนได้มากเท่ากับประเทศอื่นๆ” เดวิส กล่าว
ประเทศสวีเดนร่วงจากอันดับ 1 ปีที่แล้ว สู่อันดับ 2 ในปีนี้
สำหรับประเทศสวีเดนในปีนี้ ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีคุณภาพชีวิตดีเป็นอันดับ 2 โดยประเทศนี้มีการเสนอบริการดูแลสุขภาพ และการศึกษาระดับอุดมศึกษาฟรีแก่ประชาชน อีกทั้งประชากรของประเทศนี้ก็มีอายุยืนยาวที่สุดประเทศหนึ่งในโลก โดยมีอายุเฉลี่ย 82.8 ปี ตามข้อมูลของ CIA World
เดวิส บอกเพิ่มเติมว่า แม้ว่าสวีเดนอันดับจะร่วงลงมาในปีนี้ แต่สวีเดนก็ทำผลงานได้ดีในหมวดหมู่อื่นๆ โดยอยู่อันดับที่ 2 ในด้านความใส่ใจต่อสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม ข้อเสียอย่างเดียวคือประเทศนี้อยู่ในอันดับท้ายๆ ในด้านราคาค่าครองชีพ เพราะค่าครองชีพค่อนข้างแพง เช่นเดียวกับเดนมาร์ก
นอกจากนี้ สวีเดนยังมีนโยบายให้สิทธิพนักงาน "ลาคลอด" และ "ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร" ได้ยาวนานมากกว่าประเทศอื่นๆ โดยผู้ปกครองสามารถลางานได้นานถึง 480 วัน และยังคงได้รับเงินเดือน เมื่อมีบุตรเกิดใหม่หรือแม้แต่ในกรณีรับบุตรบุญธรรม และหากมีผู้ปกครอง 2 คน ผู้ปกครองแต่ละคนจะมีสิทธิลาได้ 240 วันจากจำนวนดังกล่าว
นอกจากนี้ ค่าครองชีพในสวีเดนโดยเฉลี่ยต่ำกว่าในสหรัฐ ถึง 9.4% ในขณะที่ค่าเช่าบ้านต่ำกว่า 47.5% ตามข้อมูลของ Numbeo
เดวิสยังเน้นย้ำด้วยว่า สวีเดนเป็นหนึ่งในสี่ประเทศในภูมิภาคนอร์ดิก ที่ติดอันดับ 10 อันดับแรกของรายชื่อในปีนี้ ต้องยอมรับว่าประเทศนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มอบคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชนของตนอย่างแท้จริง
ที่มา ; กรุงเทพธุรกิจ