28 สิงหาคม 2567 – พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบนโยบายการขับเคลื่อนมาตรฐานการศึกษาของชาติสู่การปฏิบัติ ในงานสัมมนาวิชาการ “การขับเคลื่อนมาตรฐานการศึกษาของชาติสู่การปฏิบัติ เพื่อสร้างคนไทย 4.0” โดยมีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา คณะผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา เข้าร่วม ณ โรงแรมเอสดี อเวนิว กรุงเทพฯ และร่วมรับชมการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook และ YouTube สภาการศึกษา
รมว.ศธ. กล่าวว่า นโยบายจะออกมาในรูปแบบที่ดีไม่ได้หากขาดการลงมือทำจริงจากหัวใจ นโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ที่ได้มอบเป็นแนวทางไว้ต้องมีความสุขก่อน ต้องสร้างหัวใจของความสุขให้ได้ว่าเรารักการศึกษา ถ้าเรามีโอกาสทำให้การการศึกษาดีขึ้น รักในการทำงานขับเคลื่อนร่วมกันเราก็จะมีการพัฒนาที่ดี เกิดเป็นมาตรฐานการศึกษาของชาติสู่การปฏิบัติ เพื่อสร้างคนไทย 4.0
วันนี้เรามาร่วมกันเชื่อมให้เกิดมิติทางการศึกษา และสร้างเครือข่ายในการดำเนินงานสอดรับในวิถีที่ปฏิบัติกัน คือ การมีความสุข โดยทำให้ผลการเรียนของเด็กในประเทศออกมามีคุณภาพ คุณธรรม จริยธรรม ไม่ใช่แค่เก่งด้านการเรียนอย่างเดียวแต่ต้องเก่งในด้านทักษะการใช้ชีวิตด้วย “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” ทำให้เด็กรู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ คิดแบบมีเหตุผล และทำในสิ่งที่ถูกต้อง หากเกิดขึ้นได้ การศึกษาของเราก็จะดีขึ้น และมาตรฐานการศึกษาของเราจะก้าวไปด้วยกัน
สภาการศึกษาจะเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานทุกช่วงชั้น ที่ทำให้การศึกษาเป็นมาตรฐานเดียวกัน หากมองแนวทางการทำงานแบบ “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” ก็คือภาพรวมของเครือข่ายต้องจับมือแล้วเดินไปด้วยกันสู่ความสำเร็จ
อยากให้เวทีในครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ และนิทรรศการต่าง ๆ ภายในงานนั้นมีประโยชน์ทั้ง หมดฝากผู้เข้าร่วมศึกษาแลกเปลี่ยนพูดคุยกับผู้เรียนและครูถึงปรัชญาและเป้าหมาย และอยากชวนทุกคนร่วมกันปฏิวัติการศึกษาให้รวดเร็วและเร่งด่วนขึ้น สิ่งที่คิดว่าดีอย่ารอให้ใครมาขอให้ทำ ให้ทำได้ทันที
ในการนี้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “กระทรวงศึกษาธิการกับการพัฒนากำลังคนตามมาตรฐานการศึกษาของชาติสู่คนไทย 4.0” ความว่า สภาการศึกษาเคยดำเนินการอย่างเข้มข้นกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั้งการเทียบสมรรถนะเทียบโอนวุฒิทวิศึกษา และทำทวิวุฒิกับต่างประเทศ และยังได้เล็งเห็นปัญหาสุขภาพจิตของผู้เรียนและครู ซึ่งก็มีโครงการ Wall of Sharing ที่พักใจให้เด็กมาปรึกษาโดยพบจิตแพทย์ด้วยวิธีที่ผ่อนคลาย และ สอศ. ก็กำลังมีโครงการ 1 วิทยาลัย 1 ครูอนามัย นี่คือความก้าวหน้าแบบบูรณาการร่วมกัน วันนี้จะมามองให้เห็นภาพกันว่าการศึกษายุคใหม่ควรจะไปในทิศทางใดในยุค 4.0
ความแตกต่างที่เห็นคือบางหน่วยงานดำเนินการไปไกลแล้ว แต่บางหน่วยงานเพิ่งเริ่มทั้งที่เป็นเรื่องคล้ายกัน แต่พอทำงานแบบบูรณาการร่วมกันแล้วก็เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจะกำหนดทิศทางการศึกษาของประเทศไทย ต้องพยายามสังเคราะห์ทฤษฎีออกมา ทำให้งานวิจัยไม่เป็นแค่งานวิชาการแต่สามารถนำมาสู่การปฏิบัติได้จริง การเตรียมความพร้อมของบุคลากรในยุค 4.0 ก็เช่นเดียวกัน ต้องสร้างและพัฒนาคนให้มีความพร้อมกับสังคมโลกที่เปลี่ยนตลอดเวลา เพราะการเดินหน้าของกระทรวงศึกษาธิการนอกจากจะดูแผนการศึกษาตามกรอบแล้ว เรื่อง AI และ CODING ก็สำคัญสำคัญ เพราะเทคโนโลยีใหม่มีมาเสมอ
ทุกวันนี้มีทั้งนโยบาย Soft Power และ Ignite Thailand ที่เป็นเรื่องใหม่ แต่ไม่ว่านโยบายจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหนหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการก็ยังคงต้องผลิตทรัพยากรมนุษย์ให้มีทักษะ เพราะการศึกษาไทยไม่ได้ด้อยกว่าคนอื่น แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ การจะทำให้เท่าเทียมกันอาจต้องใช้เวลา แต่สิ่งที่ทำได้คือสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนได้ไปถึงสิ่งที่มุ่งหวัง แล้วเลิกวัดที่ผลสอบแต่วัดที่ผลลัพธ์ เพราะสิ่งที่โลกต้องการสำหรับเด็กไม่ใช่ไม่ใช่ผล แต่เป็น SKILL ที่ให้คิดออกจากกรอบเดิม
ในหนึ่งปีที่ผ่านมาของกระทรวงศึกษาธิการมีความก้าวหน้าพอสมควร ข้อท้าทายใหม่ให้โจทย์ไว้คือธนาคารหน่วยกิตซึ่งวันนี้หากสามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้ามากในการจัดระบบการเรียนการสอน เพราะหลายประเทศในอาเซียนจับตามองว่าเราจะทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าเราเป็นผู้นำอาเซียนที่แท้จริง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เข้าร่วมในวันนี้จะได้รับประโยชน์จากการนำเสนอประสบการณ์ ได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนนโยบายร่วมกัน เมื่อนำไปใช้แล้วนานาชาติเชื่อถือได้ ขอให้พัฒนางาน พัฒนาคน พัฒนาการศึกษา ช่วยกันทำให้สังคมแห่งการเรียนรู้ของเราเป็นสังคมที่มีความสุข ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ที่มา ; ศธ 360 องศา
เกี่ยวข้องกัน
สพฐ. หนุนเขตพื้นที่ เสริมความ “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” สพฐ. Summer camp 2025 สร้างเด็กไทย รองรับทักษะแห่งอนาคต
วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2568 นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมเด็กไทย “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” สพฐ. Summer Camp 2025 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาญจนบุรี (สพม.กาญจนบุรี) ณ โรงเรียนวิสุทธรังษี จ.กาญจนบุรี โดยมี นายไพชยา พิมพ์สาร ผอ.สพม.กาญจนบุรี กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนวิสุทธรังษี และบุคลากรของ สพม.กาญจนบุรี จำนวน 106 คน เข้าร่วมกิจกรรม
นางเกศทิพย์ ศุภวานิช กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ นำโดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. และว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ให้ความสำคัญการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ซึ่งตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะและทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะทักษะที่เกี่ยวข้องกับการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โครงการนี้จึงถูกจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้มี 3 ความฉลาด ได้แก่
สำหรับกิจกรรมสำคัญของโครงการนี้ ได้แก่
นางเกศทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ถือเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะทำให้เกิดการเรียนดีมีความสุขได้ โดยอาศัยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของครู ผู้บริหาร และได้รับการชี้แนะจากศึกษานิเทศก์เป็นพี่เลี้ยง และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทีม ปลดล็อกรั้วโรงเรียนเพื่อให้มีครูที่ดีสำหรับนักเรียนที่อยู่ที่ไหนก็ได้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นการสร้างโอกาสให้กับนักเรียน ได้รับการเติมเต็มทั้งนักเรียนและครู ซึ่งจากกิจกรรมในวันนี้ คำว่า “ฉลาด” คือ สติ+ปัญญา ไม่ได้มีเพียงปัญญาแต่เรายังมีสติทำให้ไม่ประมาท จึงกลายเป็นความเก่งที่พร้อม มีความรอบคอบ และใช้ปัญญาในสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้น ในการ “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” ต้องล้อมรอบในบรรยากาศที่เรียนและมีความสุข ครูผู้อยู่ใกล้ชิดกับนักเรียน ต้องรู้จักและดูได้ว่านักเรียนมีความสุขหรือไม่ โดยครูผู้สอนต้องมีการพูดคุยกันแบบ Professional Learning Community (PLC) เป็นชุมชนที่มีการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เติมเต็มให้กับเด็กเป็นรายบุคคล ตรงตามความต้องการของเด็กแต่ละคน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับนักเรียนอย่างแท้จริง
“ขอฝากผู้บริหารและคุณครูในเรื่องของการพัฒนาตนเอง อ่านทุกวัน เรียนรู้ทุกเรื่อง จับประเด็นต่าง ๆ มาถ่ายทอดได้ รวมถึงการคิด วิเคราะห์ในเรื่องที่สำคัญ รวมถึงอยากให้ครูทุกคนได้อบรมแนวทางการสร้างข้อสอบฯ เพราะเกี่ยวข้องกับการใช้คำถามในชีวิตประจำวันของทุกคน เพื่อให้ครูนำไปใช้ได้จริง และสำหรับผู้บริหาร คือ ผู้สร้าง สร้างคน สร้างระบบงาน และเติมเต็มกำลังใจให้กับผู้ร่วมงาน เพื่อการทำงานอย่างมีความสุขต่อไป สำหรับน้อง ๆ นักเรียน ขอฝากให้เรียนรู้ฝึกการทำงานเป็นทีม Skill ในอนาคตต้องทำงานเป็นทีมได้ สร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง เอื้ออาทร แบ่งปันซึ่งกันและกัน เป็นตัวของตัวเองโดยมีวินัยเป็นตัวกำกับ จะทำให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในทุก ๆ สิ่ง และขอให้นักเรียนทุกคนเดินตามความฝันของตนเอง โดยมีผู้ใหญ่ใจดีคอยเติมฝันและให้โอกาส ขอให้ทุกคนทำให้เต็มที่ในทุกเรื่องเพราะสิ่งเหล่านี้จะติดตัวเราทุกคนตลอดไป และขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนต่อไป” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว
จากนั้น รองเลขาธิการ กพฐ. พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังโรงเรียนวัดน้ำอาบ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เพื่อไปเยี่ยมชม และให้กำลังใจในค่ายกิจกรรมส่งเสริมเด็กไทย “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” สพฐ. Summer Camp 2025 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอ่างทอง (สพป.อ่างทอง) โดยมี นายวิศิษฐ สายจันทร์หอม ผอ.สพป.อ่างทอง ขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 38 คน และครูจำนวน 38 คน จากโรงเรียนขยายโอกาส 38 โรงเรียนในสังกัด สพป.อ่างทอง และบุคลากรของ สพป.อ่างทอง เข้าร่วมกิจกรรม
สำหรับค่ายแห่งนี้ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ ในรูปแบบกิจกรรมฐาน ประกอบด้วย
เห็นได้ชัดว่าค่ายฯ แห่งนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม เป็นไปตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” และทำให้นักเรียน “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” ได้อย่างแท้จริง
ที่มา ; ข่าว สพฐ.