ในยุคเปลี่ยนผ่านจาก Lecture-Based Learning สู่ Online-Based Learning ของไทย และการผสมผสานกันระหว่างครู 2 รุ่น ผ่านการบูรณาการการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนกับการให้ความรู้ผ่านระบบออนไลน์หรือ e-Education ที่สำคัญก็คือ การค้นหาประสิทธิภาพเครื่องไม้เครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน และสร้างสมดุลในเรื่องของการใช้เวลาในชั้นเรียนได้อย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอันใกล้ Trend การศึกษาโลกยุค 5.0 คงหนีไม่พ้น BYOD ที่เป็นการนำ “โทรศัพท์มือถือ” หรือ Tablet PC และ Notebook Computer ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา มาใช้ในห้องเรียนอย่างแน่นอน
คณะกรรมาธิการยุโรป ได้เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับการอนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือหรือ Tablet PC และ Computer Notebook ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือ BYOD (Bring Your Own Device) มาใช้ในห้องเรียน โดยชี้ว่ามีทิศทางเชิงบวกในหลายประเทศ และมีแนวโน้มการใช้ BYOD ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ความเสมอภาคทางการศึกษา
ทว่า BYOD หรือการอนุญาตให้นำอุปกรณ์สื่อสารสนเทศส่วนตัวของนักเรียนนิสิตนักศึกษามาใช้ในห้องเรียนยังเป็นเรื่องยากในระบบการศึกษา ปัญหาสำคัญในประเด็นดังกล่าวก็คือ บุคลากรทางการศึกษาจำนวนหนึ่งยังตามเทคโนโลยีไม่ทัน
ดังนั้น ภาครัฐจึงควรเร่งส่งเสริมและเปิดมุมมองของการพัฒนาครูในศตวรรษที่ 21 ด้วยการปรับทัศนคติของครู ส่งเสริมให้ครูนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาตนเอง
ที่สำคัญก็คือ การสร้างระบบ Coaching โดยให้ครูที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียนการสอนเป็นผู้ฝึกปฏิบัติให้กับครูที่ยังขาดความชำนาญ การนำระบบ Coaching มาใช้ในยุคการศึกษา 4.0 จึงอาจเป็นการกลับหัวกลับหางจากอดีต ที่ครูอาวุโสเป็น Coach ให้กับครูใหม่หรือครูฝึกสอน มาสู่ครูรุ่นใหม่กลายเป็น Coach ให้กับครูอาวุโส
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การ Coaching เกี่ยวกับเทคโนโลยีการศึกษา ส่วนผสมทางการศึกษา หรือ Blended Learning มีหลายวัตถุดิบ และหลายสูตร STEM (Science Technology Engineering Mathematics) ก็เป็นการ Blended กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ เข้าด้วยกัน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีความพยายามผลักดันระบบการจัดการศึกษาไปสู่ยุค 4.0 หรือยุคนวัตกรรมการศึกษา ไม่ว่าจะเป็น Online-based Learning หรือ Blended Learning มากเพียงไรก็ตาม
ทว่า Education Equity หรือความเสมอภาคทางการศึกษา เป็นชุดความคิดที่ควรนำมาประกบคู่กับการจัดการศึกษาในทุกรูปแบบ
เหตุผลก็คือ สภาพแวดล้อมทางโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนาเกือบทั้งหมด ที่มีความหลากหลายของสถาบันการศึกษาไม่ว่าจะเป็นขนาด อายุ แนวทาง และที่สำคัญก็คืองบประมาณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงเรียนในเขตชนบทที่ไกลออกไปมากๆ ยังคงมีความไม่เสมอภาคทางการศึกษาทั้งในแง่ความพร้อมของการจัดโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า หรือเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่ยังครอบคลุมไปไม่ถึง
ดังนั้น Education equity หรือ ความเสมอภาคทางการศึกษา จึงเป็นอีกประเด็นหนึ่งซึ่งต้องพึงระวังท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงองค์ความรู้นั่นเอง
Flipped Classroom หรือห้องเรียนกลับด้าน ก็เป็นการ Blended ในแง่ผสมผสานการเรียนในห้องเรียนกับการศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียนเข้าด้วยกัน
ส่วนผสมที่กลมกล่อมระหว่างห้องเรียนแบบ Face-to-Face กับการเรียนการสอนระบบ Online หรือที่รู้จักกันในนาม Blended Learning จำเป็นต้องอาศัยครูยุคใหม่ผู้จะมาทำหน้าที่ผสมผสานรูปแบบห้องเรียนแนวใหม่ ซึ่งหลอมรวมเอาระบบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมหรือ Lecture-based Learning คนให้เข้ากับ Online-based Learning หรือการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
Blended Learning เป็นเครื่องมือสำคัญในการแสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่างระหว่าง Lecture-based Learning กับ Online-based Learning ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นการประนีประนอมระหว่างครูอาวุโสที่คุ้นเคยกับรูปแบบ Lecture-based Learning กับครูรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับ Online-based Learning
เนื่องจาก Blended Learning นั้น แม้ว่าจะส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบ Online ด้วยการยืดเวลาให้นิสิตสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องทุกเวลาและทุกสถานที่ ผ่านสื่อการเรียนการสอนอิเล็กทรอนิกส์
ทว่า Blended Learning ก็ยังสนับสนุนการพบปะสังสรรค์กันในห้องเรียนระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน หรือผู้เรียนกับผู้เรียนด้วยกันผ่านการทำงานกลุ่ม ครูในระบบการศึกษายุค 4.0 จึงนอกจากจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้เครื่องไม้เครื่องมือทาง ICT ในการประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนแล้ว ยังต้องชำนาญในการให้การศึกษาผ่านห้องเรียนรูปแบบดั้งเดิมอีกด้วย
แม้ดูเหมือนว่า Blended Learning กำลังจะเป็นแนวโน้มใหม่หรือเป็นบันไดขั้นพักระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากยุค Lecture-based Learning สู่ยุค Online-based Learning เห็นได้จากในปัจจุบันมีแนวโน้มการนำแนวคิด Blended Learning มาใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากในยุคเปลี่ยนผ่านดังกล่าว เป็นยุคที่มีการผสมผสานกันระหว่างครูสองรุ่นคือครูอาวุโสกับครูรุ่นใหม่ ผ่านการบูรณาการระหว่างการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนกับการให้ความรู้ผ่านระบบออนไลน์
หลักใหญ่ใจความของ Blended Learning ก็คือการค้นหาประสิทธิภาพของเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน และสร้างสมดุลในเรื่องของการใช้เวลาในชั้นเรียนได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง เพราะไม่ว่าจะ BYOD จะ Face-to-Face จะ Online หรือจะ Offline หัวใจสำคัญในยุคเปลี่ยนผ่านนี้ก็คือ การนำ Blended Learning มาใช้โดยคำนึงถึงความเสมอภาคทางการศึกษา และกล่าวได้ว่าเหมาะสมสำหรับบริบทการศึกษาที่กำลังก้าวไปในยุค 4.0 นั่นเอง
บทความโดย Jakkrit Siririn
ที่มา ;SALIKA