ค้นหา

คิดให้ดีก่อนจะเป็นผู้บริหารโรงเรียนใจไม่แกร่งจริงอยู่ไม่รอด

วันนี้จะเล่าให้ฟังถึงอีกมุมของการเป็นผู้บริหารโรงเรียนที่อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ใครที่ลังเลว่าจะลองสอบดีไหมลองอ่านสิ่งเหล่านี้หากรับได้ก็ค่อยก้าวเข้ามา 

1. เงินเดือนเท่าครูแต่ภาษีสังคมสูงกว่า กรรมการสถานศึกษามีซองมากี่คนก็ต้องใส่เพราะไม่เช่นนั้นขอผ้าป่าไม่ได้และจะใส่ซองน้อยกว่าลูกน้องก็ไม่เหมาะ 

2. ออกงานสังคม งายย้าย งานรับตำแหน่ง งานบวช งานศพ งานแต่งต้องไปร่วมทั้งเพื่อนครู ผู้บริหาร ชุมชน ผู้ปกครอง นอกจากค่าซองก็ยังมีค่าน้ำมัน บางครั้งต้องไปร่วมประชุมถูกเชิญไปนั่นนี่ มีค่าพาหนะและการเดินทาง 

3. โรงเรียนให้เลือก มีจำนวนน้อยกว่าครู ย้ายยากกว่าและโรงเรียนที่ว่าง มักเป็นโรงเรียนชายขอบโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งขาดแคลนทรัพยากร 

4. ความโดดเดี่ยวในตำแหน่ง รับได้หรือไม่ หากรู้ว่าครูในโรงเรียนจะต้องมีกลุ่ม Line ลับซึ่งไม่มีผอ.อยู่ในนั้น 

5. การนินทา กล่าวร้ายลับหลัง รับได้หรือไม่กับคำนินทาเพราะไม่มีวันทำถูกใจคนทุกคนไม่ครูก็ผู้ปกครองที่ ผอ.จะต้องเป็นกระทู้ในวงสนทนา 

6. หาความจริงใจในความสัมพันธ์ลำบาก เพราะไม่รู้ว่าคนที่เข้าหาเพราะตำแหน่งหรือผลประโยชน์ 

7. Social แรง ครูร้องเรียน ผอ. มากกว่านักเรียนร้องเรียนครู ผอ.จะกลัวนักข่าวมากและกลัวช่องทางบนโลกออนไลน์ บางครั้งแม้ไม่ผิดแต่เรื่องไปไกลแล้ว ผอ.ก็ต้องมาชี้แจ้ง 

8. ถ้าเป็นครูที่ชอบสอน อยากเปลี่ยนระบบไปสอบ สุดท้ายก็ทำได้แค่ไปร่วมประชุมอบรม เดินทางเข้าสังคม ทำงานสนองนโยบายและครูบางคนก็ไม่ใช่ว่าจะยอมปรับเปลี่ยนหรือเชื่อฟัง ในที่ประชุมไม่พูดไม่เสนอแต่นอกที่ประชุมกันอีกอย่าง 

9. ถ้าท่านเป็น ผอ.ใหม่ ต้องไปบรรจุโรงเรียนขนาดเล็กซึ่งผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการก็ไม่ได้ ทรัพยากรเงินทองก็ไม่มี มีระบบเจ้าพ่อ เจ้าแม่ การเมืองในโรงเรียน จะบริหารอย่างไรไม่สบายเหมือนภาพฝัน 

10. เสี่ยงต่อการถูกร้องเรียน เพราะทุกโครงการที่เซ็นคือของผอ.ต้องรับทราบ บางครั้งโครงการถูกสอดไส้มาทุจริตหูตาไม่ไว ก็อาจต้องออก เพราะมีโครงการเงินทอน ที่ระบายการใช้งบมากมาย 

11. ช่องทางหารายได้เสริมก็น้อย ถ้าเป็นครูโรงเรียนใหญ่กับไปเป็น ผอ.โรงเรียนเล็ก จะต้องทอดผ้าป่าวันหยุดปีใหม่สงกรานต์ หาสอนพิเศษไม่ได้ ก็เป็นปัญหาที่ต้องคิดหนักว่าจะเอาเงินหรือเอาอำนาจ 

12. ทุกการตัดสินใจเป็นของ ผอ. ดีชั่วต้องรับ เพราะถ้าไม่รับคนก็จะนินทาลับหลังว่าเอาดีใส่ตัว ดังนั้นจะสั่งอะไรคิดแล้วคิดอีกอาจจะไม่เหนื่อยแรงแต่เหนื่อยใจ เป็นครูเหนื่อยแรงกายเป็นผอ.เหนื่อยความคิดความรับผิดชอบ 

13. โรงเรียนที่ตำแหน่งว่างจะได้ไป มักไม่ใช่โรงเรียนขนาดใหญ่และโรงเรียนในเมือง ดังนั้นต้องไปอยู่โรงเรียนที่ไม่พร้อมเป็นตำแหน่ง ผอ.แต่มีลูกน้องแค่ 4-5 คน มันก็เหนื่อยเพราะโครงการต่างๆนโยบายที่ลงมาก็ต้องทำเหมือนในโรงเรียนที่มีครูเป็นสิบ 

14. โดนทวงงาน หากส่งงานล่าช้าโดนตามในกลุ่มไลน์ ว่าโรงเรียนไหนยังไม่ส่งจะไปบีบไปเค้นกับครูเหมือนทำกับนักเรียนก็ไม่ได้ 

15. ต้องย้ายจากบ้านพลัดถิ่นฐาน เพราะโรงเรียนที่ว่างอยู่ในชนบทที่ห่างไกล ทางลูกรัง บางครั้งไม่มีร้านกาแฟไม่มีร้านอาหารต้องห่อข้าวไปทานเองกว่าจะกลับคืนมาได้ก็ใช้เวลาลูกเมียครอบครัวไม่เข้าใจก็มีปัญหา 

16. เป็นหางหรือจะเป็นหัว ถ้าเป็นรอง ผอ.โรงเรียนขนาดใหญ่ กับ ผอ.โรงเรียนเล็กมีครู 5 คน ทอดผ้าป่าทุกปี ตอนสงกรานต์ เลือกเป็นหัวหรือหางดี เมื่อโรงเรียนใหญ่สามารถส่งลูกมาเรียนได้ มีผลประโยชน์อื่นอีกมากมาย 

17. ถูกใส่ร้าย เข้าใจผิดง่าย บางครั้งบอกว่า ผอ.มีนอกมีในมีใต้โต๊ะจากร้านค้า แต่เงินที่ได้มานั้นก็อาจเสียวสันหลัง ถ้าเป็นคนใจซื่อมือสะอาดก็ต้องทำให้โปร่งใสซึ่งต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ 

18. งานรับผิดชอบสุ่มเสี่ยง หากเป็นผอ.ที่อายุ 40 ปีคิดว่าอายุราชการ 20 ปีที่เหลืออยู่นั้นจะไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับการก่อสร้างเชียวหรือ ? คิดว่าจะคุมงานก่อสร้างให้ได้มาตรฐานเช่นนั้นหรือ ? คิดว่าจะไม่โดนโกงเชียวหรือ ? คิดว่าจะไม่เจอโครงการเงินทอนเชียวหรือ ? และแต่ละวันแต่ละคืนที่ผ่านพ้นจะไม่ต้องกลัวว่าอาคารที่ก่อสร้างจะถล่มลงมาบ้างเลยหรือ ? 

19. ต้องแก้ปัญหา ตัดสินใจ โรงเรียนใหญ่ก็มีปัญหาแบบโรงส่วนใหญ่ ต้องเผชิญกับผู้ปกครองที่การตัดสินใจอะไรไปบางครั้งอาจกระทบจนอำนาจที่มีไม่ได้เบ็ดเสร็จตามความคิด 

20. ต้องใช้อำนาจเป็น ถูกจังหวะ อำนาจที่มีนั้นไม่ได้เด็ดขาดเหมือนทหาร ถ้าเคยจ้างช่างมาต่อเติมบ้านเล็กๆน้อยๆหรือเทพื้น จะรู้ว่าการบริหารคนเหนื่อยขนาดไหนต้องหาข้าวหาน้ำให้กิน บางครั้งก็ต้องหาเหล้า ถ้าช่างทำงานแย่สัญญาคงอยู่จะเอาออกทันทีก็ไม่ได้ หากไม่มีสัญญาก็ต้องวุ่นวายไปหาคนใหม่

เช่น เดียวกันการบริหารครูไม่ง่ายครูบางคนแม้เลวร้ายทำตัวไม่ดีแต่จะเอาข้าราชการคนหนึ่งออกยากยิ่งกว่าไล่ช่างที่จ้างมาด้วยเงินตัวเอง สั่งซ้ายหันขวาหันเหมือนสั่งนักเรียนไม่ได้ 

21. รับผิดชอบครูและนักเรียน ผอ.โรงเรียนเล็กบางครั้งต้องดูแลแค่ความปลอดภัยโรงเรียนไม่มีรั้วได้แต่หวาดหวั่นว่า เด็กจะหนีออกไปนอกโรงเรียนโดนรถชนหรือเปล่า จะมีคนร้ายเข้ามาในรั้วโรงเรียนหรือเปล่า ? 

22. ต้องทำหน้าที่แทนครูในหลายโอกาส หลายโรงครูไม่ครบชั้น ถ้าครูไม่อยู่ก็ต้องไปสอนแทน(ถ้าท่านจะเป็นผอ.ที่ดี) ถ้าไม่ไปทิ้งเด็กไว้เกิดอันตรายมากก็ต้องสอบสวน 

23. ครูนินทาเรื่อง ผอ.กับเพื่อนครู ส่วนผอ.จะไปนินทาเรื่องของครูกับใคร ครูเยอะกว่ามันก็จะเหงา ๆ 

24. อาจเข้าไปแก้ปัญหาก่อนหน้านั้น วันที่เป็นผอ. ใหม่โรงเรียนมีหนี้ที่เกิดจาก ผอ.เก่า คงค้างอยู่คุณจะทำอย่างไร ? จะหาเงินไหนมาใช้และจะบริหารต่อไปได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือ 

25. งบประมาณไม่พอ ก็ต้องทำผ้าป่ารับบริจาค ใช้เงินอะไร?ไป ก็ต้องแถลงต่อกรรมการสถานศึกษา ไม่โกงไม่กินไม่ได้หมายความว่าจะไม่เหนื่อย 

26. จะจ้างครูเพิ่มเป็นอัตราจ้าง ก็ต้องดูระเบียบ ต้องทำให้พ้นข้อครหาว่าไม่ได้รับเด็กเส้นไม่ได้เป็นเด็กนาย 

27. พัวพันกับผลประโยชน์ มีร้านค้ามาประมูลก็ต้องโปร่งใสทำอาหารกลางวันงบจำกัดก็ต้องทำให้ออกมาดี 

28. งานนอกจากการสอนครู หากในวันที่เป็นครูชอบสอนวันที่เป็นผอ.ก็ต้องบีบบังคับให้ครูมาทำงานนอก เพราะหากไม่ทำโรงเรียนก็ต้องเดินต่อไปไม่ได้ 

29. การเมืองในโรงเรียน ผอ.โรงเรียนใหม่ vs ครูเจ้าที่ 10+ ปี สงครามนี้มีทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด 

30. กล้าพอในบางเรื่อง ครูบรรจุใหม่ ผอ.ก็ต้องนำทีมประเมิน ต้องมีทีมงานต้องรู้จักคน ประเมิน PA ถ้าครูสอนผิดพลาดกล้าแค่ไหนที่จะบอกครูตรงๆ 

31. ถูกต้องแต่อาจไม่ถูกใจ เช่น แบ่งชั่วโมงสอนครูให้เท่ากัน แต่ครูบางส่วนก็ไม่พอใจ โดยเฉพาะครูเจ้าที่ 

32.เลือกสิ่งที่อาจขัดแย้งในตนเอง ต้องเลือกระหว่างความก้าวหน้าของตัวเอง ซึ่งต้องเอาใจนายรับนโยบายที่ถูกสั่งมาและต้องไปสั่งครูอีกทีให้ผลิตรายงาน หรือเอาใจครูปกป้องเวลาสอนให้ครูได้สอนเต็มที่แต่ขัดแข้งขัดขาเบื้องบนจนไม่เติบโต 

33. การตัดสินใจบางเรืองมีคนไม่พอใจแน่ วันตัดสินเพื่อเลื่อนเงินเดือนให้ครู คือวันที่อาจจะปวดหัวที่สุดเพราะเ สี่ยงต่อการไม่พอใจ ขุ่นเคืองใจ เพราะเรื่องนี้ไม่มีวันถูกใจคนทุกคน อาจนำมาซึ่งการถูกร้องเรียน ร้องทุกข์ได้ 

34. อาจได้ทำหน้าที่หลายโรงเรียน บางครั้ง ผอ. เกษียณตำแหน่งว่างระหว่างนั้นให้ ผอ.ควบ 2 โรงเรียน รับได้ไหมถ้าเงินเดือนเท่าเดิม 

35. ต้องตามจัดการกับครูบางคน ครูโดดเรียนกับนักเรียนโดดสอนคิดว่าอันไหนจัดการง่ายกว่ากัน  สอนเด็ก ง่ายกว่าสอนผู้ใหญ่ค่ะ ประมาณว่าไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก 

36. ความกังวล ความเคลียด อาจทำให้ปริมาณผมสีขาวขึ้นบนหัว ดูแก่ก่อนวัยอันควร 

หากรับได้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นดังที่กล่าวมาก็เดินต่อไป การศึกษาไทยยังต้องการ ผอ.เก่ง ๆ อีกมาก เพื่อพัฒนาโรงเรียน แต่หากลังเล จงคิดให้หนักเพราะมันไม่มี "ปุ่มย้อนกลับ" 

ที่มา ; FB วันนั้นเมื่อฉันสอน 

ความเห็นประกอบ

·      เขียนเสือให้วัวกลัว หรือเปล่า แต่ก็เสือจริงๆนั่นแหละครับ 555

·      ไม่ขอออกความคิดเห็นแต่จะฝากข้อคิดไว้ละกันสำหรับท่านที่อยากเปลี่ยนเส้นทางนะครับ

·      ใจสู้คุณก็รอด ใจเสาะคุณก็ร่วง

·      ไม่มีตำแหน่งไหน อาชีพไหนที่มันง่ายและสบายหรอกครับ

·      ท่องไว้ “ได้ใจ ได้คน ได้งาน”

·      โรงเรียนไม่ใช่ของเราคนเดียว ยังมีครู มี ผปค มีชุมชน มีปัญหามาเขาก็ช่วยเรา นอกจากเราจะเป็นตัวปัญหาซะเอง

·      การขอคำปรึกษาคือการซื้อใจเจ้าพ่อเจ้าแม่อย่างนึง

·      กระแสน้ำถ้ามันเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวางครับ

·      ก่อนจะเป็นผู้บริหารคนแรกที่ต้องถามเลยคือตัวเอง จะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าสิ่งที่ทำได้คือ เรียนรู้ ยอมรับ ปรับเปลี่ยน แก้ไขตามสถานการณ์ ชีวิตเลือกตามใจตัวเองไม่ได้ขนาดนั้น ขนาดในสิ่งที่ชอบก็ยังไม่สิ่งที่ไม่ชอบซ่อนอยู่เสมอ คิดตามง่าย ๆ เหมือนเด็กชอบเด็กฟุตบอล แน่นอนครับเด็กอยากลงแข่ง แต่เด็กมักจะขี้เกียจซ้อมเสมอ แล้วทำไมต้องซ้อม เพราะมันจำเป็น มันทำให้เพิ่มทักษะ ความเก่ง ให้เด็ก ก่อนลงสนามแข่ง ก่อนจะบริหารคนอื่น ช่วยบริหารใจตัวเองก่อน ฝึกใจตัวเองก่อน ถ้ามีใจอยากพัฒนา อยากเปลี่ยนตามกำลังที่ผู้บริหารสถานศึกษาพอที่จะเปลี่ยนได้ ไปสอบเลยครับ

·      ทุกคนเคยอาบน้ำมาก่อนครับ แล้วน้ำที่อาบอาจจะอุณหภูมิไม่เท่ากัน และการตอบสนองต่ออุณหภูมินั้นก็อาจจะแตกต่างกันไปครับ

·      ขอฝากไว้เป็นอีกหนึ่งความเห็นครับ ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง ไม่ต้องเชื่อผม 5555 ทุกท่านพิสูจน์เองได้ ถ้าใจต้องการ

·      ถ้าคนอยู่บนบัลลังก์ของกระทรวงมองเห็น กะควรให้ค่าตอบแทนเงินประจำตำแหน่ง ผู้บริหาร ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยตามความเหมาะสม ผอ เขตพื้นที่ 12000 -15000 รอง ผอเขต 10000 ผอ รร 8000-9000 รอง.ผอ 5000-7000 สะไป๊ ให้แตกต่างแน่ค่าบริหาร อันนี้ส่ำกันหมด จริงๆควรมีค่าบริหารเด้เนาะค่ะ 

·      คำว่า"เป็นได้" กับ "ได้เป็น" มันแตกต่างกันแน่นอน และบางครั้งก่อนจะได้เป็นก็คิดว่าจะเป็นได้ดี แต่บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับบริบทแต่ละโรงเรียนด้วย ทำให้ความคิดคนมันเปลี่ยน แต่แค่มันถอยไม่ได้เลยต้องเดินหน้าต่อไปแบบนั้น เวลาเปลี่ยนความคิดคนก็เปลี่ยน "หัวโขน"สวมแล้วก็ต้องเล่นไปตามบทบาท ที่คุณกล่าวมาก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆแหละในวงการนี้

·      อ่านทั้งหมดแล้ว คนที่จะเป็น ผอ. มีแนวคิดเชิงลบอย่างนี้อย่าเป็นเลย ชีวิตจะเป็นทุกข์ ให้คนที่เขามีทัศนคติที่ดีของการเป็นผู้บริหารมาทำหน้าทีดีกว่า

·      ข้อ1. เงินเดือนเท่าครูแต่อัตราความก้าวหน้าของเงินเดือนมี% ที่ไปไวกว่าครูผู้สอน มันมีปัจจัยหลายอย่างที่เอื้อให้ผู้บริหารได้ขึ้นเงินเดือน % มากกว่าครูโดยเฉลี่ย

·      ข้อ10. ข้อนี้ สถิติการเกิดปัญหา เกิดจากตัวผอ. มากกว่าครูแน่นอน

·      เราเป็นครูผู้สอนมาเกือบจะ 10 ปีล่ะ รู้สึกแฮปปี้มากกับสายงานสอนเพราะไม่ต้องแบกรับภาระอะไรที่นอกเหนือจากงานสอน สอนอย่างเดียวส่วนงานนอกต่างๆ ก็รับเป็นจ๊อบๆ เพราะเราให้ความสำคัญกับ mental health ของตัวเองเป็นอันดับแรก ใครจะพูดอะไรยังไงเราไม่แคร์เลย เราคิดแค่ไปทำงาน รับเงินเดือน และกลับบ้าน

·      เป็น ผอ.รร.ขนาดเล็ก ให้เก่งงาน ขนาดกลางให้เก่งคน ขนาดใหญ่ให้เก่งคิด

·      ไม่รู้คิดผิดหรือคิดถูกทุกวันนี้

·      ถ้ากลัวความเสี่ยงก็ไม่ควรเป็นผู้บริหารตั้งแต่แรกป่ะ?

·      ผู้บริหาร ก็มาบริหารให้เกิดความก้าวหน้า ทั้งโรงเรียน ทั้งลูกน้อง ทั้งการศึกษาของเด็กๆ อำนาจและหน้าที่มันมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ผอ.เก่งๆที่สร้างตำนานโค้ชจนอัตราจ้างบรรจุได้เกือบทั้งโรงเรียนก็มี ผอ.เดินเข้าวัดดังเพื่อขอเงินสนับสนุนการศึกษาก็มี

·      จริงแทบทุกข้อ เหมือนออกมาจากใจเจอกับตัวและใกล้ตัวเห็นภาพชัดจนไม่สามารถทำใจไปสายบริหารได้จริงๆ ใจไม่สู้กับสิ่งที่ต้องแลก เพราะเวลาต้องรับมือกับคนแต่ละแบบทุกทิศทางมันคือสุดจริง

·      เป็นจริงทุกข้อ แต่จะลดระดับความรุนแรง และความชุกของปัญหาทั้ง 36 ข้อได้..เกราะป้องกันคุณครู คือ นักเรียน ผู้ปกครอง, เกราะป้องกันผู้บริหารสถานศึกษาก็คือคุณครู, เกราะป้องกันโรงเรียนคือชุมชน ผู้นำชุมชน คกก.สถานศึกษา เป็นระบบนิเวศ ทางการบริหาร

·      ..ถ้าเรามีสมรรถนะ แม่นในทฤษฎี แม่นในกฎหมายการปฏิบัติงานในหน้าที่ หนักแน่นในหลักการแต่ยืดหยุ่นตามเหตุการณ์ มีภาวะผู้นำ มีศิลปะในการสื่อสารและจูงใจ รู้จักการวางตัวให้เหมาะสม การสร้างการยอมรับ ศาสตร์ กับ ศิลป์ ใช้อย่างไร, นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ใช้อย่างไรถึงจะครองตน ครองคน ครองงานได้ ..จะหยิบทฤษฎีบทไหนมาใช้ บางอย่าง บางเรื่อง ก็ต้องเอางาน บางอย่างบางเรื่องก็ต้องเอาคน หรือทั้งคนทั้งงาน..ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร กว่าจะรู้ว่า ปรุงอาหารแบบไหนถึงจะถูกปากคนชิม..อย่างไหนจะลงตัว..มองความยากให้เป็นเรื่องท้าทาย

·      ส่วนอุดมการณ์ ปณิธาน ทัศนคติเพื่อนร่วมงาน แต่ละท่าน ดีบ้างไม่ดีบ้าง ต้องเรียนรู้ และปรับเข้าหากัน ..ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ธรรมดา ตามโลกธรรม 8 ..ไม่ว่าบทบาทไหนในโลกใบนี้ก็จะวนๆ เวียนๆ อยู่กับเรื่องพวกนี้

·      ทั้งหมดทั้งมวล เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ให้คุณครูได้มั้ย เป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบด้วยตนเอง

·      เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังครุ่นคิด ตัดสินใจนะครับ 

·      เพราะหน้าที่หลักของผู้บริหาร คือ การตัดสินใจ แต่ทุกคนต้องได้รับผลกระทบ ทั้ง + และ - ในเวลาเดียวกัน จึงต้องอาศัยธรรมมาภิบาล เป็นที่ตั้ง

·      กระบี่อยู่ที่ใจ จงเป็นจอมยุทธไร้กระบวนท่า อย่ายึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เคยสำเร็จ ค้นหากระบี่ของท่านให้เจอ.. สำหรับผม กระบี่ 3ช. ชอบ เชื่อ ช่วย

·      ตัวอย่างเช่นครูในโรงเรียนแต่งงาน เพื่อนครูก็ใส่ซองแสดงความยินดี แต่ผอเอาเงินโรงเรียนใส่อย่างงี้ไหมครับ (ตอนเป็นครูก็คิดแบบนั้น ตอนนี้เข้าใจดีว่าตอนนั้นคิดไปเอง)

·      ก็อาจจะมี แต่พ่อฉันเป็นผอ.ไม่เคยเอาเงินรร.มาใส่ แกเอาเงินแม่ฉัน(เมียแกนั่นแหละ)ใส่ตลอด

·      ไม่จริงทั้งหมด

·      อันนี้พูดถึงข้อเสีย ไม่พูดถึงข้อดีก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับตำแหน่งนี้เท่าไหร่นะครับ ข้อดีก็มีหลายข้ออยู่นะครับ เชื่อว่าการที่จะให้ครูชอบ ผอ. ไม่ยากเลย แค่มีพรมวิหาร 4 ที่สำคัญครูชอบสอนครับ แล้วก็ลดความซับซ้อนของงานเอกสารให้น้อยลงก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการที่จะให้ครูรัก

·      เป็น ผอ.ก็มีข้อดี   1 ไม่ต้องสอน 2 ไม่ต้องฟังคำสั่งใครในโรงเรียน 3 เป็นคนสั่งไม่ใช่คนทำตามคำสั่ง (ในโรงเรียนและอาจจะนอกโรงเรียนด้วยเพราะให้ครูทำแทน) 4 เมื่อไปอบรมนอกสถานที่ อาจเลิกบ่ายก็ไม่ต้องแวะกลับเข้าโรงเรียน 5 การบริหารและการจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างในโรงเรียนแล้วแต่ตัว ผอ. ซึ่งครูไม่สามารถทำได้ 6 มีเวลาว่างมากกว่าครู 7 มีห้องส่วนตัว ตู้เย็น บางโรงเรียนมีถึง TV ซึ่งครูทำไม่ได้แน่นอน 8 อิสระเสรีในโรงเรียนทุกอย่าง ไม่มีใครว่าได้ 9 หลายโรงเรียนอิสระในการมาทำงาน บางแห่ง ผอ.มาโรงเรียน 9.30 น กลับ 14.30-15.00 10. ผมว่ามีมากกว่านี้ แต่ส่วนตัวผมคิดได้แบบนึกได้ทันทีและที่พบเจอจากประสบการณ์ตรงก็เป็นแบบนี้ครับ ใครมีเพิ่มมาช่วยเติมหน่อยครับ 

·      ในเมื่อใจมันต้องไปทางนี้แล้วที่เขียนมาก็จริงทั้งหมดค่ะแต่ก็ยังตั้งใจจะเป็นพ่อที่ดีสักโรงเรียน ให้คนเขาพูดว่าผอ คนนี้บริหารได้ดีมากสักวันค่ะ

·      จะเป็นผอ. ที่นั่งในใจทุกคนให้ได้ค่ะอาจจะต้องถูกต้องแต่ไม่ถูกใจดีกว่าถูกใจแต่ไม่ไม่ถูกต้องค่ะ

·      เป้าหมายคือการเป็น ผอ. รร. ค่ะ แต่พอมาเจอโพสต์นี้ ยอมรับว่า กลัว และเริ่มจะเปลี่ยนใจแล้วค่ะ

·      ทุกตำแหน่งมี 2 มุมเสมอครับ

·      หากมองแค่ด้านลบ เอามาตัดสินใจ

·      มันจะก้าวหน้าได้อย่างไร

·      มันต้องมองรอบด้าน อย่างรอบคอบ

·      หากอยากก้าวหน้า แค่ก้าวแรก ต้องกล้าข้ามข้อจำกัดพวกนี้ให้ได้

·      คนที่สอบเข้าไปเป็นผู้บริหารบางคน เค้ามีแนวคิดว่ามันเป็นงานสบายนะ วันๆ ไม่ต้องทำอะไร ใช้ครูอย่างเดียว ตอนเป็นครูยังสอนบ้าง โดดบ้าง แล้วไปเป็นผู้บริหารก็สันดานเดิมเยอะครับ คนพวกนี้ก็เห็นอยู่สบายดี ไม่ต้องมาเครียดอะไรกับทุกข้อที่กล่าวมานี้เลย

·      เพิ่มข้อ 1.1 โรงเรียนเล็ก เมื่อใดที่มีกิจกรรมต่างๆที่ต้องใช้เงินมากกว่างบโครงการ ผอ.อาจจะต้องควักเงินส่วนตัวทุกครั้ง

·      1.2 ผอ.ใหม่ทุกโรงต้องผ่านการประเมิน 1 ปี ทุกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ต้องรับผิดชอบเอง

·      1.3 ของฝากของเยี่ยม ทุกเทศกาลต้องมี

·      1.4 ต้องมีเงินสำรองสำหรับกิจกรรมต่างๆของกลุ่ม รร. หรือ กลุ่มอำเภอ เงินบำรุงชมรมต่างๆ

·      ข้อ 37 ถ้าเป็นรร.เล็กอาจต้องทำงานหนักกว่าตอนเป็นครูหลายเท่า บางรายงานก็ต้องทำเอง 

·      ข้อ4. ไม่เคยกลัวเลย มาทำงานไม่ได้มาเป็นเพื่อนสนุกกับใคร แค่มารยาทดีทำดีต่อกันก็พอแล้ว ครูเองเป็นเพื่อนกันสุดท้ายแตกคอกันหักหลังกันมีเยอะแยะ อย่าไปอินมาก ย้ายออกไปก็เป็นคนอื่

·      เป็นตัวของตัวเองค่ะ ทุกตำแหน่งมีปัญหาให้ต้องแก้ไขไม่ว่าจะเป็นครู รองผอ. และ ผอ. ค่ะ จับทิศทางการพัฒนาผู้เรียนให้ถูกต้อง ตาม พรบ.การศึกษา พ.ศ.2542 และหลักสูตรแกนกลางฯ พ.ศ.2551 ค่ะ

·      ตอนเป็นครูหนุ่มไฟแรง ก็มีคำถามมากมายเกี่ยวกับการทำงานของ ผอ. ว่าทำไมคิดแบบนั้น ? ทำไมปฏิบัติแบบนั้น ? ทำไมตัดสินใจแบบนั้น ?

·      จนได้เปลี่ยนสายงานมา จึงได้เข้าใจเลยว่า เหตุมันเป็นเพราะ ........ เราต่างแค่

      "มองคนละมุม", "กลุ้มคนละเรื่อง","เคืองคนละอย่าง","อ้างว้างคนละคราว""ยืนคนละจุด เลยรู้สึกคนละอย่าง"ครับ

·      บ่นจนเค้าบอกว่าให้ไปเป็นเองแล้วจะรู้ เลยเปลี่ยนสายซะเลยตอนนี้ปากไม่ออก 5555 ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานให้ดีที่สุด

·      ได้คิดก่อนตัดสินใจ

·      อยากทำเพื่อคนอื่นหรืออยากทำเพื่อตัวเอง ณ จุดๆ นี้ คนอื่นเป็นได้เราก็เป็นได้ค่ะ จากที่อ่านมาทั้งหมดมีแต่ความคิดลบ ซึ่งจริงๆ มันมีด้านดีอีกเยอะค่ะ งั้นเขาคงลาออกกันหมดแล้วค่ะ

·      อยู่กับเด็กเหนื่อยกาย แต่ไม่เหนื่อยใจ อำนาจคือหัวโขน ใส่แล้วหลงลืมตัวก็มั่วเลย

·      เห็นภาพเลย...ไม่ใช่เฉพาะครูที่เป็นเช่นนี้...หากแต่ข้าราชการหน่วยงานอื่นก็ไม่ได้แตกต่างเลย...มีประโยชน์มากเลย...ขอบคุณค่ะ

·      ในดีมีเสีย…ในเสียก็ย่อมมีดีค่ะ

·      ใจสู้คุณก็รอด ใจเสาะคุณก็ร่วง

·      ต่างกันที่มุมมอง แนวคิด วิธีการปฏิบัติ

·      ถ้าดำรงตนตามคำสอนของพ่อหลวงเชื่อว่ายืนอยู่จุดไหนก็สามารถมีความสุขได้ทั้งนั้นค่ะ

·      เป็นข้อความที่ดี ไม่มีที่ใดไม่มีปัญหา เลือกแล้วต้องเดินต่อด้วยคุณธรรม ปัญญา วิปัสนากรรมฐาน สาธุๆๆ ทำดีย่อมได้ดี

·      ถ้าทำถูกต้องตามระเบียบและมีใจบริสุทธิ์ ไม่ต้องคิดให้มากมาย ถ้าคิดว่ามีปัญหาแก้ไม่ได้ก็อย่าเป็นเสีย

·      แต่ทุกวันนี้ผมเห็นแต่ผอ.สบาย แฟนผมแบกงานทั้งร.ร.ผอ.ไร้ความสามารถ จิกตามงานตีสามจะเอาตีสี่โทรศัพท์มาแบบขาดอบรมสั่งสอนที่ดีจากเขตพื้นที่โทรมาได้ตีสามไม่รู้ทำตัวเหมือนคนไร้การศึกษา ครูป่วยน้ำเกลือคาเข็มมาบีบเอางานกลางรพ. ยังงัยผอ.ไปเตือผอ.ด้วยกันด้วยนะครับไม่อยากจะด่าตรงๆ 

·      เป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากเป็นผ.อ.เพราะชอบสอนเด็กมากกว่าบริหารคน เท่าที่เห็นครูที่ไม่ชอบสอนมักจะไปสอบผ.อ.แต่พอไปเป็นผู้บริหารก็เป็นผู้บริหารที่แย่อีก ทุกวันนี้อายุน้อยก็เป็นผ.อ.ได้ เพียงแค่สอบเก่ง

·      ถูกทุกข้อที่กล่าวมาเลยครับเพราะคิดแบบนี้เหมือนกันเลยไม่ไปดีกว่าถึงแม้จะเรียนบริหารมาและต่อใบประกอบฯมาแล้ว3รอบก็ตาม ณ วันนี้ก็ยังไม่มีความคิดเลยว่าจะไปสอบ อีกอย่างคิดว่าตนเองเหมาะกับการเป็นครูผู้สอนมากกว่าการเป็นผู้บริหาร

·      (ผ่านมา17ปีแล้วครึ่งทางของอายุราชการเหลืออีก18ปีกว่าๆตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ครูผู้สอนที่ดีให้ดีที่สุดต่อไปครับ

·      ขอแค่ท่านเป็นคนดี ซื่อสัตย์ ท่านจะโดนรังเกียจจากผู้บังคับัญชาที่เหนือกว่า ถ้าท่านเป็น ผอ. ที่สุจริต ท่านจะโดนอิจฉาจากเพื่อน นี่คือที่ผู้บริหารดีๆจะเจอครับ

·      การสร้างความเป็นทีมจึงสำคัญ

·      งบประมาณ ไม่พอ อย่างเดียว วุ่นวายกันไปหมด ผู้บริหารเก่ง ครูเก่ง นักเรียนเก่ง แต่ยากจน จะพัฒนาให้เป็นคนดีมีคุณภาพสูงได้อย่างไร

·      มีคำพูดหนึ่งของผู้ใหญ่คนหนึ่งของประเทศประเทศหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ว่า "เค้าไม่ได้ให้ขอร้องให้คุณมาเป็นผู้บริหาร คุณดิ้นรนสอบมาเอง" ก็ต้องพร้อมที่เจอกับที่กล่าวมา ทุกสังคม มันก็มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ดีมาก ดีน้อย ปะปนกันไป คุณจะมีวิธีรับมือยังไง แก้ปัญหาอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณ นั่นคือผู้บริหาร

·      หลายคนคงมีความคิดว่า...ความก้าวหน้าสูงสุดในอาชีพครู คือ ตำแหน่ง ผอ. (สุดแต่ใจจะไขว่คว้า...ไม่ว่ากัน)

·      เป็นครูมันส์สุดเเล้วครับ อยู่กับเด็กสนุกที่สุดเเล้ว

·      เข้าใจในบริบทนี้นะครับ แต่หากคนที่จะเป็นแล้ว พื้นฐานอย่างแรกเลยที่ต้องมีคือ ความรับผิดชอบและความเสียสละที่สูง ถ้าปกติเป็นครูมีอยู่แล้ว ผมว่าที่เหลือปรับเปลี่ยนตามบริบทเชื่อว่าทุกคนทำได้ครับ ถ้าคิดว่าเป็น ผอ.แล้วไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร อยู่ได้ครับ แต่อยู่ยาก เพราะต้องปรับสิ่งแวดล้อมให้เข้าตัวเอง

·      ทุกตำแหน่งมีความสำคัญ พอใจ พอดี พอประมาณ ก็สุขได้ หากเรายอมรับในการตัดสินของของตนจะเดินสายไหน จะทำหน้าที่อะไร สิ่งตามมาจะเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับมันให้ได้

·      นั่นคือการพูดถึงแต่ข้อเสียครับ ถ้าเมื่อใดได้เป็นผอ.โรงเรียนใหญ่ๆ คุณจะเป็นยิ่งกว่าเจ้าผู้ครองนคร คุณจะเป็นผู้มีอำนาจบารมีอย่างมาก กินข้าวฟรีมีคนจัดประเคนให้ เดินทางไปไหนมาไหนฟรี มีพนักงานขับรถบริการ และถ้าเป็นคนเจ้าชู้ ก็จะมีคนคอยจัดหาให้ ทรัพย์สินเงินทองจะไหลมาเทมา เพราะช่องทางหารายได้จะมีมากมายหลายทาง

·      อ่านทุกข้อและตรงทุกข้อ คนที่เขียนคือเข้าใจบริบทดี มองในหลากหลายมุม แต่ลืม หนึ่งข้อ ถ้ามี ครูมาบรรจุใหม่ (คผช.) คือ ต้องสอนงานใหม่ เช่น งานการเงิน พัสดุ แทนคนที่ย้ายไปเป็นต้น...หากตั้งใจทำตามหน้าที่เราแล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไรครับ

·      เรื่องนี้สำคัญ มันคือ กลยุทธ์บริหาร การบริหารชีวิตเรา ถ้าบริหารงาน ราชการดีเยี่ยม แต่ปั้นปลายชีวิต เงินติดลบไม่พอใช้ ผมว่ายังเป็นนักบริหารที่ล้มเหลวนะ

·      มันไม่มีอะไรที่เกินความสามารถของคนค่ะ เมื่อถึงสถานการณ์ที่เราต้องเดิน เรื่องทุกอย่างมันจะดำเนินไปตามสเต็ปของมัน อย่าไปกลัว มีใบประกอบสอบให้ติด คิดจะเป็นใหญ่ใจต้องนิ่ง

·      คุณจะต้องเจอวัฒนธรรมสังคมการศึกษา บางอย่างที่แก้ได้ยาก เช่น แนวคิดคนที่ไม่ไปก็ต้องจ่าย ที่ยังมีอยู่ตั้งแต่ ระดับกลุ่ม/อำเภอ/สมาคม/เขต ผู้นำกลุ่มสังคมการศึกษานอกโรงเรียนที่บังคับกันจ่ายอยู่ ภาคเรียนที่ 1 นี่หนักมาก กว่าจะถึงเดือนกันยายน

·      คิดดี คิดถูก ทำดี ทำถูก มันย่อมดีในมุมของมันค่ะ คิดลบก็จะพบแต่ทางตัน จะร้ายหรือดี ทุกอย่างย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปทั้งสิ้น ช่วยกันทำดีต่อไปนะคะ

·      ข้อสุดท้ายได้โรคซึมเศร้าแถมมาต้องกินยาและมีหนี้อีกหลายล้าน

·      ก็ตั้งใจเข้าไปเปลี่ยนอยู่แล้วนะ ไอทั้งหลายข้อที่เขียนมา อยากทำให้ รร.สนุกอ่ะ ที่ว่าต้องไป รร.เล็ก หรือชายขอบ ไม่ได้สำคัญเลย ทรัพยากรน้อยก็ต้องหาให้เป็น บริหารให้ได้ อย่าลืม รร.ใหญ่ก็ปัญหาเยอะ ทำงานอยู่บนความถูกต้องไม่มีอะไรต้องกลัว

·      สุดท้ายตั้งใจไม่เดินตามระบบแน่นอน เพราะนโยบายเบื้องบนมันน่ารำคาญ กลับมาดูตัวเอง เดินตามบริบทตัวเองที่ร่วมกันสร้างกับครูและนักเรียน ชุมชน จะไปสร้าง รร. คุณภาพ มากกว่า รร.ในฝันของกระทรวงหรือเขต ถ้าอ่านแล้วต้องมานั่งทบทวนหาปุ่มรีสตาร์ท ผมว่าสิ่งที่ตั้งใจทำมาก็สูญเปล่า

·      การตัดสินใจ คือเข็มทิศ ปรับตัวไปตามบริบท ตามกระแส แลหน้า แลหลัง เดินหน้าไปเถิด เมื่อตัดสินใจแล้ว ทำดี ทำถูก อาจจะไม่ถูกใจ แต่ขอให้ถูกต้อง มีมโนธรรม และจรรยาบรรณ อยู่ก็สร้างความรัก สามัคคี จากไปให้มีแต่คำว่าเสียดาย

·      เป็น ผอ.ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น รร.เล็กก็ไม่ได้แย่ทุกโรง อยู่ที่วิสัยทัศน์ของผอ. การบริหารใช้ทั้งศาสน์และศิลป์ อย่าไปกลัวการเป็นผอ.ไม่ได้แย่ขนาดนั้น

·      มันใช่แต่คนอยากเป็นก็เยอะ ไหนใครลองเขียนปัญหาของครูผู้สอนบ้างซิ ก็มีไม่น้อย ไม่มีอาชีพอะไรไม่มีปัญหา คุมตัวเองได้ดีก็ผ่านได้

·      ทุกรร.ล้วนมีปัญหาให้แก้มากน้อย แต่ไม่ต้องหวั่นหากเรายึดหลักพรหมวิหาร4 ความยุติธรรม ครองตนครองคนครองงานดี สำคัญการเงินของเราต้องดีมีพอเหลือใช้

·      เป็น ผู้บริหารโดยไม่พร้อมหรือไม่มีความสามารถ จะสร้างความเสียหายมากกว่า ครูธรรมดา

·      ผมรักและศรัทธาในอาชีพครูครับ แต่พอเข้ามาเป็นข้าราชการเต็มตัวต้องยอมรับว่าประเทศชาติเราน่าเป็นเพราะคนปฏิบัติจริงเอาจริงเอาจังเอาใจใส่เด็กทุกอย่างจะโดนเล่นงานจากครูเจ้าถิ่นที่ไร้ซึ่งคุณธรรม ขาดศีลธรรมมือถือสากปากถือศีล ใช้อำนาจบาทใหญ่อาศัยตัวเป็นคนในพื้นที่ประจวบกับมีญาติเป็นนักการเมืองหนุนหลังกระทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์พวกพ้อง หน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าผู้บริหารเลียแข้งเลียขาพอหันหลังให้แลบลิ้นปลิ้นตา ว่างสุมหัวกันนินทาผู้บริหาร นินทาผู้ปกครองเด็ก เด็กคนไหนจนลำบากมีอคติทันทีเวลาผู้ปกครองมาติดต่อราชการถ้าเป็นญาติตัวเองพูดจาดีแต่ถ้าเป็นตาสีตาสาแต่งตัวมอซอเข้ามาติดต่อราชการหันข้างคุยกับเขาพูดจามะนาวไม่มีน้ำครูเด็กๆทุกคนกลัวหมดครูทุกคนที่อยู่กลุ่มเขาก็คือพวกศีลเสมอกันจับกลุ่มนินทาใหัร้ายใช้คำพูดไพร่ ๆสบถด่าหยาบๆนี่หรือครูไทยเสี้ยมใหัเด็กเกลียดครูคนที่ตัวเองไม่ชอบ เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอครับ ผมลาออกมาด้วยความภาคภูมิใจที่ผมได้ทำหน้าที่ครูที่สมบูรณ์ที่สุด กระดุมเสื้อหลุดปมเย็บให้ ผมยาวไม่มีเงินไปตัดผมตัดฟรีให้เลยกระโปรงขาดหลุดรุ่ยผมนั่งเย็บนั่งสอยให้เด็กโดนแตนต่อยร้องให้มาหาผมผมก็ทายาให้ในกระเป๋าสพายผมมีครบทุกอย่างเตรียมพร้อมเสมอสำหรับลูกๆของผมเด็กๆกล้าเล่าความทุกข์ใจและเรื่องครอบครัวให้ฟังผมช่วยอะไรได้ผมช่วยทันที แต่ในสายตาครูเจ้าถิ่นผมคือครูเลวครูชั่ว ชีวิตผมมีสามที่ที่ผมไปคือบ้าน วัด โรงเรียน รักษาศีลปฏิบัติกรรมฐานวิปัสสนา ผมถามหน่อยครับผมคือครูเลวใช่ไหม เด็กอุจจาระราดหรือฉี่ราดกางเกงผมพาไปอาบน้ำซักผ้าที่เปื้อนอุจจาระโดยไม่ได้แสดงอาการรังเกียจใดๆทั้งสิ้น ผมสอนหลังเลิกเรียนฟรีจนถึง 5 โมงเย็นกลับมีปัญหา แต่ครูคนอื่นสอนคิดเงินจากเด็กกลับไม่มีปัญหา เฮ้อสงสารเด็กครับตราบใดที่ยังยึดถือเอกสารเป็นสำคัญต่อไปเด็กไทยเราจะแย่ลงเรื่อย ๆ ไม่ให้เด็กปฏิบัติลงมือทำประเทศไทยเราน่าเป็นห่วงครับ ผมลาออกมาเป็นมือปืนรับจ้างครับ ฟรีบ้าง การกุศลบ้าง มีความสุขครับ

·      ที่กล่าวมามีส่วนถูกเกือบทุกข้อค่ะตัวฉันเป็น ผอ.8 ปี ยอมรับว่า ภาระความรับผิดชอบเรามากกว่าการเป็นครู บางคนอาจคิดว่าไม่ชอบสอนมาเป็นสายบริหารสบายกว่า แต่ฉันว่าทุกบทบาทคือภาระหนักเสมอเพราะเราต้องทำเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา คุณภาพผู้เรียน ผอ.แต่ละคนมีรูปแบบการบริหารที่ต่างกัน สำหรับฉันอุดมการณ์อย่างเดียว คือ ทุกที่ที่อยู่ที่ดำรงตำแหน่งฉันรักทุกที่เหมือนบ้าน ปรารถนาที่จะเห็นการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น บางคนเคยพูดว่า ไม่ใช่บ้านเธอไม่ต้องใส่ใจมาก แต่ฉันรักและใส่ใจทุ่มเทให้กับทุกที่ที่อยู่ เพราะทุกที่คือนาข้าวหรือที่มาของเงินเดือนของฉัน ตอนฉันสอบรองเขตได้รอเรียกบรรจุมีผอ.คนหนึ่งบอกว่า ทำไมพี่ยังทำโน่นนี่นั่น ไม่หยุดไม่ลด ทั้งที่จะไปเป็นรองเขตแล้ว ถ้าผมเป็นพี่ผมจะวางหมด เตรียมตัวไปอย่างเดียว ฉันตอบเขาไปว่า ตราบใดที่พี่ยังเป็น ผอ.รรนั้น พี่จะทำหน่้าที่จนวันสุดท้ายในตำแหน่ง นั้น เคยมุ่งมั่นตั้งใจแค่ไหนก๋จะทำ มันให้ดีที่สุด การทำงานในแต่ละที่มีปัญหาต่างกันตามบริบท ผอ.จึงต้องคิดวางแผน หาทาง เรื่องการนินทา เป็นธรรมดาของมนุษย์ เราทำดีแค่ไหนถ้าเขาไม่ชอบเราก็ไม่ดีในสายตาเขา แต่ถ้าคนที่เขาชอบ ทำเลวแค่ไหนเขาก็ว่าดี เราไม่อาจทำให้ใครชอบใจหารือถูกใจเราทั้งหมด แต่เราเลือกที่จะให้ค่ากับคนที่ดีคนที่ให้เกียรติ กับเรา คนที่รู้ในสถานะรู้ในภาระหน้าที่ อายุไม่ใช่การกำหนดหน้าที่หรือตำแหน่ง ผู้บริหารที่อายุน้อยๆหลายคนอาจจะเจอปัญหาเจ้าทีในโรงเรียน แต่เราต้องเอาชนะเขาด้วยความดี ด้วยการพัฒนาตามบทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร แม้เขาจะเป็นคนเดียวที่มองไม่เห็นค่าสิ่งที่เราทำเพราะความอคติหรืออัตตา แต่เชื่อว่าคนอื่นที่มีเจตคติทางบวกเขาจะเห็น การเป็นครูอาจมีหนี้ 1 บาท แต่เป็นผอ.อาจจะ1000บาท นี่คืออีกความต่าง เพราะมาอยู่ตรงนี้ยิ่งเราอยู่ในรร.ขนาดเล็กที่มีความขาดแคลนบางครั้งผอ.จึงต้องเสียสละ ฉันไปอยู่ในทุกที่ไม่เคยเรียกร้องโต๊ะทำงานเก้าอี้ทำงานใหม่ บางแห่งโต๊ะเก่าลิ้นชักพังพื้นลอกเราก็นั่งได้ เพราะส่วนใหญ่ภาระกิจเราไม่ได้อยู่ที่โต๊ะทำงาน ฉันบรรจุในรร.ขนาดเล็กอยู่รร.นั้น3ปีมีพัดลม1ตัวไม่คิดอยากติดแอร์ห้องทำงานตัวเองเพราะสงสารโรงเรียน ลำพังเงินใช้จ่ายและพัฒนาก็แทบไม่พอ จะมาติดแอร์ไหนค่าไฟจะเพิ่ม ไหนงบที่ต้องใช้จ่ายที่จำเป็นต้องกระทบ ฉันมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน1เดือนแรกนำทีมสร้างสนามเด็กเล่น และพัฒนาด้านอื่นๆอีกทั้งบริบทภายในภายนอกห้องเรียนภายใน2ปีโรงเรียนกลายเป็นโรงเรียนต้นแบบและแหล่งศึกษาดูงาน ผลสอบO-NET จากอันดับ10กว่าของเครือข่าย กลายเป็นอันดับ1 และTop10 ของเขตพื้นที่จาก252 โรงเรียน คนที่อิจฉาก็บอกว่าที่ฉันทำฉันพัฒนาเพราะฉันต้องประเมิน1ปี ฉันถามย้อนในใจแล้ว1ปีที่ผ่านทำไมฉันยังขับเคลื่อนยังพัฒนาต่อ ถ้าเห็นแก่แบบนั้น1ปีผ่านไปฉันคงวางมือ บ้างก็ว่าทำไปเพราะเราหวังทำผลงานซี9 ย้าย หรือสอบเลื่อนตำแหน่ง นี่คือคนที่อคติที่ไม่เคยยินดี ชื่นชมให้กำลังใจคนทำดี ฉันจึงอยากบอกคุณครูที่จะเปลี่ยนสายมาอยู่สายนี้ว่า ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ทำให้เห็นการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ไม่ต้องสนคำนินทาว่าร้าย เพราะทุกการกระทำ (ที่ดี)ย่อมดังกว่าคำพูด (ให้ร้าย) และนึกไว้เสมอว่าทุกปัญหาย่อมมีทางแก้เสมอ ยอมรับและอยู่กับมันเพราะ...เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ทุกอาชีพทุกตำแหน่งย่อมเจอปัญหาอุปสรรคเสมอ แต่ขอให้เรายืนหยัดในความเป็นเรา ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด แค่นี้ก็จะเป็นเกราะคุ้มภัยเราได้ค่ะ

·      ถ่านกับเพชร กำเนิดจาก คาร์บอน  คาร์บอน ที่ไม่ได้ผ่านแรงอัด แรงกดดันอะไร อยู่ตามธรรมชาติ ก็จะกลายเป็นถ่าน ในขณะที่ คาร์บอน ที่ผ่านแรงอัดอย่างหนัก เป็นเวลานานๆ คาร์บอนที่สามารถผ่านออกมาได้ โดยไม่แตกไปเสียก่อน ถึงจะกลายเป็นเพชร เราถึงได้ยินว่า เพชร แท้ที่จริง มันแข็งมาก...เหตุที่มีค่า เพราะความยากนี้เอง ชีวิตคนเรา ก็คล้ายกับ เรื่องถ่านกับเพชร

·      ชีวิตแบบถ่าน เช่น คนที่รักสบาย อยู่ไปเรื่อย เมื่อไหร่มีแรงกดดัน แทนที่จะสู้ ก็บ่นว่า แล้วก็หนีไป ตั้งเป้าในชีวิตแบบต่ำ ๆ ทำยาวๆ ไม่สนใจเรียนรู้ ไม่อยากพัฒนา เป็นน้ำเต็มแก้ว รู้ไปทุกเรื่อง แต่ไม่เคยทำจนสำเร็จสักเรื่อง โทษไปได้หมดทุกเรื่อง ยกเว้นอย่างเดียว คือ โทษตัวเอง...ผลสุดท้าย ก็ไม่เคยได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

·      ชีวิตแบบเพชร คนกลุ่มนี้ มองตาก็เข้าใจได้ เห็นเรื่องที่ต้องผ่าน เป็นเรื่องที่พิสูจน์ตัวเอง ไม่ล้มเลิก พากเพียร ยอมแลก อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ไม่ท้อ เป้าหมายมีไว้พุ่งชนอารมณ์ประมาณนั้น ขณะที่หลายคนมองว่า คนกลุ่มนี้ลำบาก เขาเองกลับไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้น

·      ใครบอกชีวิตไม่มีทางเลือก คำ ๆ นี้ ได้ยินในถ่าน แต่จะไม่ผ่านไปในเพชร หลายคนรอชะตาฟ้ากำหนด รอความโชคดี รู้มั๊ยความหมายของคำว่า โชคดี ที่แท้คืออะไร โชคดี คือโอกาส + การเตรียมพร้อม ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็จะไม่ใช่โชคดี แต่เป็นฟลุ้ค ซึ่งในชีวิตหนึ่ง การรอคอยอาจจะไม่ได้มา แม้ได้มาก็รักษาไว้ไม่ได้

 

·      ใจเท่านั้น ขุนขี่ย่าน อย่าฝันเป็นหัวหน้า ใจต้องกร้าแกร่งเป็นผู้นำเขา หากหวังแค่เป็นลูกน้องงานเบาเบา เชิญท่านเข้าทำงานนั้นต่อไป

·      37.ดี ครับนาย สบายครับ ท่าน ไม่มีเวลาให้ครอบครัว หนี้สินเพิ่มขึ้น หน้าใหญ่มือเปิบ ความเครียด ความดัน ตามมา

·      มันมาก ข้อ เกิน ไป (เอาแค่ ความตั้งใจ หรือ คนที่เป็นผู้นำทางธรรมชาติอยู่แล้ว ก็จะปรับตัวได้ง่ายเพราะคนเราต่องมีที่ชอบ "ตรงกับคำว่าทำในสิ่งที่ชอบ ชอบในสิ่งที่ทำ"แล้วจะมีความสุข หรือ มีความสุขไปกับมัน) หากจะดูทุกข้อที่เม้มส์มา ไม่มีใครอยากจะเป็นแน่นอน แต่ธรรมชาติสรรค์สร้าง ปัจจุบันก็มีผู้บริหารเพียงพออยู่แล้ว เห็นสอบทีไรก็ขึ้นบัญชีไว้บรรจุมากมาย เช่นเดิม ครับ

·      ตัดสินใจมาก่อนนี้แล้วถึงไม่สอบเพราะผมมองคุณค่าคำว่าครูมีคุณค่าในตัวผมมีความสุขแล้วพอเพียงรู้ตนเองแล้วว่าเหมาะยืนอยู่จุดไหนแล้วมีคามสุขก็ยืนจุดนั่นพอเพราะต่ำแหน่งไหนก็ทำประโยชน์ให้สังคมได้เช่นกัน

·      เรื่องจริงที่เคยสัมผัสมาหมดแล้วครับ แต่สิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดปลอดภัยคือ คุณธรรม และความจริงใจ..." ธรรม ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม " เป็นกำลังใจให้ผู้บริหารทุกท่านครับ

·      ชีวิตตอนเป็นครู มีความสุข ที่สุด ครับ แต่เมื่อก้าวมาแล้ว ก็ต้องเดินทาง ให้สุดสาย อย่างมีสติ ทำคุณงามความดี ต่อราชการ หวังถึงเส้นชัย ได้เกษียณอายุราชการอย่างสง่างาม ไม่ว่าจะตำแหน่งอะไร ทำความดีทำเต็มที่ ครับ

·      ท่ามกลางกระแสสังคมที่ทำให้ผู้บริหารที่มีความตั้งใจในการเข้ามาผลักดันพัฒนาโรงเรียน อาจจะถูกลดทอนกำลังใจ หรือหมดกำลังใจ โดนเหมารวมจากเหตุการณ์ต่างๆ จงเชื่อในหัวใจของตัวเอง เชื่อในความตั้งใจ หนักแน่น นำประสบการณ์ที่มีผ่านปัญหาเรื่องราวต่างๆ ไปให้ได้ ผอ.ไม่ใช่ Superman และเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง ที่ยังต้องการกำลังใจ มีมุมอ่อนแอ เข้มแข็งเหมือนคนทั่วไป แต่มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนสถานศึกษา เจอเพื่อนร่วมงานดี เจอครูดี ทุกอย่างก็ราบรื่นครับ คำว่า “บริหาร” ก็ต้องจัดการแก้ไขตามเรื่องราว ตามบริบทกันไป ขึ้นชื่อว่าชีวิต มันเสี่ยงเสมอ เปลี่ยนแปลงก็เสี่ยง อยู่เฉยๆ ก็เสี่ยง ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยยิ่งเสี่ยงครับ สร้างความเข้าใจ เชื่อในศรัทธา และภาวนาแต่เรื่องดีๆ ครับ ในดีมีร้าย ในร้ายมีดีเสมอ

·      ถึงเลือกต่อโท สาขาหลักสูตรและการสอน อยากใช้คำว่า “ครู” ไปตลอดชีวิต เป็นได้” กับ ”ได้เป็น“ มันต่างกันมากนะ และแน่นอนว่า เราเป็นไม่ได้ เพราะส่วนตัวยังไม่สามารถ “เสียสละ” “รับผิดชอบ” เพื่อองค์กร และ ลูกน้อง ได้มากพอ ทำได้เท่าที่ทำตอนนี้แหละ ไม่ต้องคิดงานเอง แค่ทำหน้างานตัวเองให้ดีที่สุด ง่ายๆ ชิล ไม่เครียด 42 แล้ว ไม่เจอหงอกซักเส้น

·      ๑. ยอมรับและปรับมุมมองต่อบทบาท

          ไม่ใช่แค่ “บริหารโรงเรียน” แต่คือ บริหารความหวัง ความคาดหวัง และอารมณ์ของผู้คน

          เปลี่ยนความเหนื่อยให้เป็น “โอกาสในการเปลี่ยนแปลง” โดยไม่หวังให้ทุกคนเข้าใจ แต่หวังให้สิ่งที่ทำ “ส่งผลดีต่อเด็ก”

2. สร้าง “พลังในใจ” ด้วยการยึดมั่นในอุดมการณ์

                •    หมั่นทบทวนว่า “เราขึ้นมาเพื่ออะไร?”

                •    ตั้ง “เข็มทิศภายใน” เช่น “เพื่อพัฒนาเด็กในโรงเรียนชายขอบให้ได้โอกาสเท่าเทียม”

3. บริหารความสัมพันธ์แบบ “มืออาชีพที่ใจกว้าง”

          ให้เกียรติครู ไม่ใช่การเอาใจ

          ทำความเข้าใจกลุ่ม Line ลับว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์

          สื่อสารบ่อย ฟังให้มากขึ้น และแสดงเจตนาดีอย่างสม่ำเสมอ จะค่อยๆ ชนะใจได้

           4. เรียนรู้การบริหารงบ การเงิน และกฎหมาย

          ถ้าจุดเสี่ยงคือโครงการงบประมาณ – หาความรู้ไว้ล่วงหน้า, ปรึกษาสพฐ. หรือผู้มีประสบการณ์

          ใช้ “การเปิดเผย – โปร่งใส” ป้องกันตัวเอง เช่น ทำรายงานออนไลน์ หรือแสดงบัญชีต่อคณะกรรมการสถานศึกษา

5. สร้าง “พลังเครือข่าย” ไม่เดินลำพัง

          มี “ทีมงานเล็กๆ ที่ไว้ใจได้” ไม่ต้องเยอะ แต่ซื่อสัตย์ จริงใจ

          เชื่อมต่อกับเครือข่าย ผอ.โรงเรียนใกล้เคียง แชร์แนวทาง หรือช่วยเหลือกันในโครงการ

6. ดูแลสุขภาพกาย-ใจของตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง

          นอนให้พอ กินให้ดี เดินเร็ว ออกกำลังกายเป็นประจำ

          ใช้เวลาเงียบๆ กับครอบครัวหรือตัวเองวันละ 10-20 นาที เพื่อ “ชาร์จพลังใจ”

          หากเครียดหนัก หาคนปรึกษา หรือเข้ารับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Coaching)

7. ใช้เทคโนโลยีลดภาระ เพิ่มประสิทธิภาพ

          ใช้ Google Form, Line OA, Excel Macro ช่วยในการบริหารจัดการเวลา/งาน

          วางระบบข้อมูลโรงเรียนให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น เช่น แผนพัฒนาคุณภาพแบบ Template

           8. หมั่นให้กำลังใจตัวเอง

           “วันนี้เหนื่อย แต่ฉันยังยืนอยู่เพื่อเด็กๆ”

          แม้ไม่มีใครขอบคุณฉัน แต่ฉันก็ภูมิใจในความซื่อสัตย์ของตัวเอง”

          ล้วนไม่ง่ายเลย หากผ่านไปได้ พบความสำเร็จ ท่านนั้นแน่มาก บางคนเป็นเอาคอนเทนท์ บางคนเป็นเอาเท่ห์ บางคนเป็นเอาผลประโยชน์แอบแฝง บางคนเป็นเพราะความอยาก หาคนที่เป็นเพื่อพัฒนาการศึกษายากมาก แค่มานั่งปุ๊บก็เตรียมย้ายหาโรงเรียนใหม่แล้วครับ หาโรงเรียนชั้นนำ โรงเรียนที่สบาย โรงเรียนที่เป็นแล้วเท่ห์ ฯลฯ ประเภทนี้จะเยอะครับ..

          มองแบบธรรมะก็คือ โลกธรรม8 บางส่วนก็เป็นเพราะระบบ เช่น (ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย สบายครับท่าน)เพื่อผลประโยชน์ บางส่วนก็เกิดจากตัวผอ.เองประเภทท่องหนังสือมา(เอาความคิดตัวเองเป็นหลักไม่เข้าใจบริบทโรงเรียนขนาดเล็ก) หากหวังเพื่อตำแหน่งลาภยศสรรเสริญเพื่อไปอวดไทบ้านไปอวดหมู่ขอร้องได้โปรดอย่ามา หากเข้าใจบริบทและพร้อมที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เสียสละทรัพย์ตัวเอง เสียสละเวลาครอบครัว เสียสละความเจ็บใจผมขอสนับสนุน

 

          ทุกตำแหน่งก็มีปัญหาเป็นธรรมดาถ้ากลัวปัญหาก็ไม่ต้องทำงานอะไรโลกเราอยู่ด้วยการแก้ปัญหา เดินหน้าครับรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี

          บางเรื่องก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นตลอดไปหรอกครับ .... คนที่พูดบางครั้งสถานะอาจจะไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์หรือบรรยากาศแบบั้น การทำงานแบบนี้มันก็เป็นธรรมดา ไม่ต่างจากครูหรอก

          อันนี้ใช่ค่ะ เป็น ผอ. มา 9-10ปี ค่อนข้างจะปลงและการต่อสู้มีค่อนข้างเยอะ แผลเต็มตัว กว่าจะนิ่งได้ก็ต้องพยายามจัดการใจตัวเองเป็นที่ 1 หนึ่งโรงเรียนว่ายากแล้ว ได้สองโรงเรียนยิ่ง 2 เท่า ทุกสิ่งคือการเรียนรู้และพัฒนาค่ะ งานหนักคือดอกไม้ของชีวิต ส่วนสังคมก็ให้เลือกเอา เราเลือกได้นะ #อย่ากลัว อยู่ในตำแหน่งไหนจงทำตำแหน่งนั้นให้ดีที่สุด ส่วนภัยซ่อนเล้น ต้องระมัดระวังยึดระเบียบเป็นหลัก ให้ถูกระเบียบไว้ ตัวเราจะปลอดภัยค่ะ ครูคือเกราะกำบังภัยของเรา บริหารครูให้เขาเป็นพี่ให้เขาเป็นน้องเรา(ต้องใช้เวลาและความจริงใจ)

          ใช้อำนาจยามเกิดปัญหา ใช้อย่างจำเป็น ไม่ใช่การใช้อำนาจเพื่อเอาชนะหรือกดขี่ แต่ใช้เพื่อ จัดการปัญหาให้เกิดความสงบเรียบร้อย เช่น ถ้ามีความขัดแย้งในโรงเรียน ก็จำเป็นละต้องใช้อำนาจตามหน้าที่เพื่อรักษาระเบียบ หรือยุติความขัดแย้ง ไม่ใช่เพื่อเอาชนะใคร เพื่อการบริหารให้โรงเรียนสงบสุข

          ผ่านมาหมดแล้ว เกิน 36 ข้อไปเยอะ ไม่ถึงตายหรอก อย่ากลัวไปเลย มันจะค่อยๆปรากฏโดยอัตโนมัติ โดยเราไม่รู้ตัวด้วยนะ รู้ตัวอีกที ก็ โน่นแหละ เป็นหนี้สหกรณ์ท่วมตัว แต่เราจะเรียกมันว่า การระดมทรัพยากรทางการศึกษา ระหว่างทางสนุกกับการแก้ปัญหา ปลายทางสนุกกับการแก้ห

          จริงดังนั้น หลังๆนิคือ ทำใจยอมรับ สำคัญที่สุด ความรับผิดชอบสูงมาก

          ให้ตายสิทั้ง 36 ข้อ เป็นเรื่องหน้าตาทางสังคมทั้งนั้นเลย ไม่มีเรื่องการพูดถึงคุณภาพทางการศึกษาเลย ผมเริ่มสงสัยละ การศึกษาล้มเหลวเกิดจากระบบ หรือเกิดจากคนหรือกลไกกันแน่ครับเนี่ย คำถามเพียงประโยคเดียวหรือนิดเดียวที่ ผอ. ต้องตอบผู้ปกครองในยุคนี้คือ

                     1. ทำไมเด็กต้องมาเรียนที่นี่ 2. แล้วเด็กได้อะไรจากที่นี่ ที่โรงเรียนอื่นไม่มี 3. อะไรคือโอกาส

                     ที่เด็กจะได้รับจากการจบการศึกษาที่นี่ ถ้าคำตอบที่ได้มันคลายความกังวลของ ผปค. ได้

                     นั่นละครับ คุณสอบผ่าน

          นั่นแลเราไม่เป็นผอ.ค่ะบัง. มีรายละเอียดที่คนในวงการไม่หานเล่าอีกเยอะแยะ..หรือบางเรื่องก็แค่ถอนหายใจแล้วก้มหน้าทำหน้าที่ตัวเองไป..เหนื่อยกว่าวิ่งมาราธอนก็งานสอนยุคนี้แหล่ะ

          คิดแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน “เรายืนจุดไหนแล้วเราทำงานเต็มที่เต็มศักยภาพ ทำแล้วมีความสุข และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน” ฉันจะยืนตรงนั้น

          มุมดีๆก็มีค่ะ แต่ถ้าเจอข้อ 34 2 โรงเรียนไม่มีรองผอ. และไม่มีวันปลดล็อค การย้ายขยับไปโรงเรียนใหญ่ๆ มันก็เป็นความคิดหนึ่งค่ะ ที่จะต้องไป

          เมื่อก่อนเคยคิดอยากเป็นนะ แต่พอเข้ามาอยู่ในวงการแล้วถึงรู้ ว่าไม่คุ้มนะ!! และฉันผู้ไม่ค่อยสังคม ชอบอยู่มุๆมิๆ

          สำหรับผม แค่มีความตั้งใจ จริงใจ และบริสุทธิ์ใจ ที่อยากทำงานด้านการบริหาร และพัฒนาการศึกษา

          กว่าจะถึงเส้นชัย..จริงๆ สุุดท้ายจุดยืนคือเราต้องการพัฒนาการศึกษาเพื่อคุณภาพของคนรุ่นหลัง

          เจอมาหมด...ทุกวันนี้คิดทำเพื่อเด็กพอละ...มีความสุขสบายใจ 

          เมื่อก่อนตอนเรียนจบ ป.ตรี ก็ไปเรียน ป.โท บริหารการศึกษา เผื่อมีโอกาสได้ไปสอบสายบริหาร แต่ตอนนี้ความคิดนั้นลดลง อยากทำผลงานครูเชี่ยวชาญ อยากสอน มองตัวเองแล้วไม่เหมาะกับสายบริหาร แต่งกายก็ไม่ได้แล้ว จริตก็ออกสาว ฐานะการเงินก็ไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากย้ายบ่อย

          มีอุดมการณ์ รักและศรัทธาในวิชาชีพ ถ้าคิดเล็ก คิดน้อยอย่าเป็นครับ

          หนูเป็นครูดีกว่า สุขภาพจิตสู้กับการบริหารคนไม่ไหว