ดร. กมล รอดคล้าย ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภาการศึกษามิใช่เป็นเพียงเครื่องมือในการสร้างคนหรือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เท่านั้น หากแต่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศด้วย
วันนี้สังคมไทยประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับประชาชนในประเทศ หากแต่จะทำอย่างไรให้ผลผลิตของการศึกษามีคุณภาพ และขีดความสามารถในการแข่งขันของคนอยู่ในระดับต้นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในสังคมโลก
การทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ จึงเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่ง แต่หากเรายังทุ่มเทใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และใช้สรรพกำลังทั้งหมดเพื่อสร้างคุณภาพในทุกด้านแบบกระจัดกระจาย อาจไม่ประสบความสำเร็จเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต เราสูญเสียทรัพยากร หมดขวัญกำลังใจ ติดหล่มหลุมดำของการศึกษา และคุณภาพพร้อมขีดความสามารถลดลงเป็นลำดับ สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งรีบจึงต้องเป็นการกำหนดจุดเน้นการพัฒนาที่ชัดเจน เลือกทำเฉพาะโครงการที่เป็นจุดเปลี่ยน ตามความต้องการของสังคมและทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ข้อเสนอ White Paper ทิศทางพัฒนาการศึกษาไทยที่สังคมคาดหวัง จึงถูกจัดทำขึ้น โดยความร่วมมือของคณะกรรมาธิการการศึกษา การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ โดยศึกษาข้อมูลจากฐานทฤษฎีด้านการศึกษา ศึกษาการบริหารการศึกษาเปรียบเทียบจากนานาประเทศ และสอบถามความคาดหวังของ สังคมทุกภาคส่วน ต่อความต้องการในการพัฒนาการศึกษาไทย นำไปสู่ข้อเสนอที่แม่นตรง สั้นกระชับ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
&สภาพปัจจุบัน.
ประเทศไทยมีสถานศึกษาที่หลากหลายทั้งโรงเรียนพื้นฐานทั่วไป โรงเรียนเด็กพิการเเละด้อยโอกาสโรงเรียนสำหรับผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ ทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพ ประเทศไทยมีบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในโรงเรียนกว่า 561,000 คนปัจจุบันมีการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ในการจัดการศึกษา เเละหากดำเนินงานด้านการเเนะเเนวได้ดี การแนะแนวคือกระบวนการสำคัญที่จะชี้แนวทางความต้องการสร้างทรัพยากรมนุษย์ของประเทศประเทศไทย
ในขณะเดียวกัน อัตราการเกิดต่ำมีสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น มีปรากฏการณ์สมองไหลของคนเก่ง ทำให้ขาดทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนาประเทศ ถ้าเราสามารถสร้างระบบข้อมูลที่ดี มีคุณภาพ จะเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์
จากสถานการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การนำเสนอเเนวทางการพัฒนา กล่าวคือ
1.พัฒนาศักยภาพเด็กไทยผ่านโครงการ support program และ talent school ในโรงเรียนประจำจังหวัด
มีการคัดเลือกคนเก่งด้านต่างๆร้อยละ 5 ของประชากรไทยทั้งประเทศ เข้าสู่โครงการ จัด cluster กลุ่มคนเก่งของประเทศที่คัดเลือกแล้วออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีความสามารถทางวิชาการ academic talent คนเก่งด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ไอที และความเป็นเลิศเฉพาะด้านที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ และกลุ่มที่มีความสามารถทางวิชาชีพ vocational talent โดยคัดกรองเข้มข้น ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา กำหนดทุนรัฐบาลโครงการtalent Support ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกมิติ อาชีพ โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายอย่างแท้จริง และให้นักเรียนทุนกลับมาใช้ทุนกระจายการทำงานทั้งในภาครัฐและเอกชน มีสวัสดิการที่เหมาะสมทุกด้านตลอดช่วงชีวิต จัดให้มีศูนย์รับผิดชอบหรือดูแลคนเก่งอย่างเป็นระบบ
พัฒนาครูทั้งระบบให้เป็น super teacher มีการผลิตครูระบบปิด โดยมีการทบทวนและวางแผนการผลิตครูใหม่ ให้สอดคล้องกับความต้องการ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศจัดโครงการสร้างครู ระดับ premium เพื่อพัฒนาครูให้กลับมาพัฒนาการเรียนการสอนแนวใหม่ ในรูปแบบของทุนการศึกษาต่อปริญญาโท 200 ทุน เรียนในต่างประเทศ 30 ทุนในประเทศ 170 ทุน ปริญญาเอก 100 ทุน ในต่างประเทศ 20 ทุนในประเทศ 80 ทุน มีระบบสวัสดิการ ค่าตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อดึงคนเก่งคนดีมาเป็นครู และรักษาครูให้อยู่ในระบบ
พัฒนาหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นหลากหลาย มีการใช้สื่อเทคโนโลยีเเละรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย
พัฒนาระบบแนะแนว ทั้งแนะแนวเด็ก ผู้ปกครองในรูปแบบของเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นที่เหมาะสมต่อการใช้งานสามารถเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย มีผู้ให้คำแนะนำปรึกษาพร้อมเสริมระบบ AI ช่วยตอบปัญหาเบื้องต้น โดยระบบแนะแนวครอบคลุมทั้งการให้ความรู้ในด้านวิชาการ วิชาชีพ และวิชาชีวิต
2.ดึงคนไทยหรือคนต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้ามาเพื่อพัฒนาประเทศ ได้แก่สนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพและทำงานในต่างประเทศให้กลับมาทำงานในบ้านเกิด สนับสนุนคนต่างชาติที่มีศักยภาพสูงให้มาทำงานในประเทศไทย โดยจัดให้มีศูนย์ดูเเลกลุ่มคนเหล่านี้อย่างเป็นระบบ เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศที่เอื้อต่อการทำงานและการใช้ชีวิต จัดตั้งศูนย์วิจัยด้านต่างๆเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในรูปแบบ Silical Vallay ของประเทศไทย มีการศึกษายุทธศาสตร์ของนานาชาติในการชักชวนชาวต่างประเทศ หรือคนที่มีสัญชาตินั้นๆให้กลับมาทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญ
วิธีการสำคัญที่เป็นตัวอย่างในการสนับสนุนทั้งคนไทยที่มีทักษะสูงและทำงานในต่างประเทศให้กลับมาทำงานในประเทศไทย อาทิเช่น ให้เงินสนับสนุนการเคลื่อนย้าย ให้ค่าตอบแทนที่สูง มีระบบภาษีจูงใจ ส่วนการสนับสนุนคนต่างชาติที่มีศักยภาพสูงให้มาทำงานในไทยคือต้องมีการพัฒนาระบบไทยPR ที่มีมาตรฐานสากล โดยอาจรับเฉพาะสาขาอาชีพที่ประเทศไทยขาดแคลนหรือจำเป็น ต้องใช้องค์ความรู้ที่ประเทศไทยยังขาดมาใช้เพื่อวางแผนพัฒนา มีการให้สวัสดิการที่เหมาะสม สร้างความเป็นเจ้าของประเทศร่วม ในลักษณะของ Green Card เมื่อทำงานหรือจ่ายภาษีครบตามจำนวนที่กำหนด เป็นการให้วีซ่าแก่คนต่างชาติ หรือให้ใบอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ หลากหลายรูปแบบ โดยจัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องการรับคนไทยและคนต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาทำงานเป็นการเฉพาะ
3.การพัฒนาระบบ Data Driven เพื่อการบริหารข้อมูลแห่งชาติด้านทรัพยากรมนุษย์ มีการวิเคราะห์ข้อมูล และมี Dash Board แสดงผลข้อมูล พัฒนาทั้งระบบฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์และพีเพิลเเวร์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการข้อมูลแห่งชาติ มีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ระบบ AI ในการวิเคราะห์หรือใช้ผู้เชี่ยวชาญในการเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูล มีการศึกษาข้อมูลรายบุคคล รายจังหวัดและรายภูมิภาค เพื่อชี้ให้เห็นถึงความต้องการในการพัฒนาคนทั้งด้านวิชาการ และวิชาชีพ เมื่อนานาประเทศต้องการมาลงทุนในประเทศไทยก็จะสามารถรับรู้ได้ว่ามีความต้องการคนกลุ่มใดมากน้อยเพียงใด
ทิศทางการศึกษาไทยที่สังคมคาดหวังดังกล่าว เสนอขึ้นท่ามกลางกระแสที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บนโลกยุคใหม่ ทั้งด้านเทคโนโลยี การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้อยู่บนฐานของความเชื่อที่ว่าการศึกษาคือเครื่องมือสำคัญของการพัฒนาทุนมนุษย์ ให้มีคุณภาพ และมีศักยภาพเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาชาติ
สังคมไทยในปัจจุบัน มีความคาดหวังต่อระบบการศึกษาทั้งในด้านความเสมอภาคทางการศึกษา คุณภาพของเด็กเเละเยาวชน ที่จะต้องมีการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในโลกยุคใหม่ และการส่งเสริมคุณลักษณะของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง ซึ่งการตอบสนองต่อความคาดหวังนี้ต้องอาศัยความร่วมมือ และพลังจากทุกภาคส่วน ในการกำหนดทิศทางใหม่ของการศึกษาไทยที่มีความยึดหยุ่นเปิดกว้าง และเท่าทันโลก
เพราะอนาคตของการศึกษาคืออนาคตของชาติและคือความรับผิดชอบของทุกคนในประเทศนี้
ที่มา ; FB กมล รอดคล้าย