ค้นหา

เน้นพัฒนาครู หนุนวิทย์พื้นฐาน–AI สร้างการศึกษายั่งยืน

เมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องการชะลอโครงการเช่าซื้ออุปกรณ์การเรียน อาทิ แท็บเล็ต โน๊ตบุ๊ก โครมบุ๊ก เรื่องนี้คงจะต้องมีการหารือกันภายในศธ. และดูรายละเอียดเพื่อที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์ตัวชี้วัดของโครงการที่กำหนดไว้ แต่อย่างไรก็ตามแนวนโยบายพัฒนาด้านการศึกษาของตนและรัฐมนตรีช่วยว่าการศธ.ชุดใหม่ จะเน้นพัฒนาที่ตัวบุคลากรเป็นหลัก เพราะตนอยากพัฒนาบุคลากรครูให้เกิดความยั่งยืน โดยเครื่องมืออุปกรณ์เสริมการสอนของนักเรียนและครูนั้น มีค่าบำรุงรักษาสภาพเครื่องมือและการเสื่อมถอยของอุปกรณ์ นอกจากนี้บุคลากรผู้ใช้อุปกรณ์ควรจะต้องมีทักษะและความรู้ที่เพียงพอในการใช้งาน หากครูขาดความรู้ความเข้าใจในวิธีการใช้เครื่องมือดังกล่าว หรือไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้การใช้อุปกรณ์เหล่านี้ไม่เกิดประโยชน์ตามที่ควรจะเป็น ดังนั้น แนวทางที่ตนให้ความสำคัญสูงสุดคือ การลงทุนพัฒนาไปที่ตัวบุคลากรเสียก่อน 

สำหรับนโยบายที่ต้องการอยากจะผลักดันเร่งด่วนนั้น ดิฉันมีแนวทางที่ตั้งไว้ก่อนเข้ามารับตำแหน่งที่ศธ.อย่างเป็นทางการแล้วว่า จะขับเคลื่อนเรื่องวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และการพัฒนาหลักสูตรให้สอดรับกับโลกยุคใหม่ไม่ว่าจะเป็น การเรียนการสอนสะเต็มศึกษา เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ แต่เมื่อหารือกับผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาทำให้ดิฉันเข้าใจว่าหลักสำคัญคือ การเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องจำเป็น โดยเร็วๆนี้ดิฉันจะประชุมกับผู้บริหารศธ.และมอบนโยบายการศึกษาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพราะในองค์กรหลักของศธ.มีภาระกิจงานที่แตกต่างกัน ส่วนเสียงสะท้อนของครูที่ต้องการให้ศธ.มีการลดภาระงานครูที่ไม่จำเป็นนั้น เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญ ซึ่งดิฉันจะวางแผนแก้ปัญหาให้ครู พร้อมมอบนโยบายที่ไม่เพิ่มภาระครู และตรงไหนที่สามารถลดได้ก็จะลดให้อย่างแน่นอน” นางนฤมล กล่าว 

นางนฤมล กล่าวต่อว่า ด้วยความที่ตนเองเคยทำงานอยู่ในแวดวงการศึกษามาก่อน จึงมีความเข้าใจถึงปัญหาและความต้องการที่แท้จริงในระบบการศึกษา วิสัยทัศน์ด้านการศึกษาของตนจึงไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานของการเน้นใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือเป็นหลัก แต่จะมุ่งเน้นที่การพัฒนาศักยภาพของครูและนักเรียนให้ควบคู่กันไป ตลอดจนให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการทำงานวิจัยที่เป็นประโยชน์และนำไปใช้ได้จริง เพื่อให้บุคลากรครูมีความเข้มแข็งทั้งในเชิงวิชาการและภาคปฏิบัติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยยกระดับและเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยให้สามารถพัฒนาไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต 

ที่มา ; มติชนออนไลน์

เกี่ยวข้องกัน

นักวิชาการ’ชง7ข้อปฏิรูปการศึกษา ปรับหลักสูตรยืดหยุ่น-คืนครูสู่ห้องเรียน 

นายณรินทร์ ชำนาญดู นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่า

สิ่งที่อยากให้รัฐมนตรีใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เร่งทำเพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาประสบความสำเร็จมี 7 ข้อ ดังนี้

1.อยากให้มีการปรับการเรียนรู้ให้ยืดหยุ่นและเชื่อมโยงกับโลกจริง ซึ่งหลักสูตรในปัจจุบันยังมีลักษณะท่องจำมากกว่าใช้ความคิด หลักสูตรใหม่ควรจะเป็นการเน้นการใช้ทักษะชีวิต เน้นการคิดวิเคราะห์ ความรู้ทางด้านดิจิทัลและเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง

2.สร้างโรงเรียนให้เป็นสุข ให้มีความปลอดภัยกับทุกชีวิตในโรงเรียน ควรจะมีระบบที่ไม่กดดันนักเรียน ให้ครูเป็นที่ปรึกษาโดยแท้จริง อาจจะมีนักจิตวิทยาประจำสถานศึกษาเพื่อสร้างความปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจ

3.คืนครูให้ห้องเรียน ลดงานที่เป็นภาระออกให้หมด งานเอกสารต่างๆ ที่ไม่จำเป็น มีความซับซ้อน ควรจะ

หมดไป ให้ครูมีเวลาเตรียมการสอนอย่างเต็มที่ และทำหน้าที่สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ หน้าที่ไหนที่เกิน

ขอบเขตของครูก็ควรจะจ้างบุคลากรอื่นเข้ามาทดแทน เช่น การเงินพัสดุ ต้องมีคนที่เชี่ยวชาญโดยตรงเข้าม

ทำงานในส่วนนี้ เพราะครูส่วนใหญ่ไม่ได้มีความชำนาญในเรื่องเหล่านี้

4.ยกเลิกระบบการวัดผลประเมินผล โครงการที่โรงเรียนต้องนำไปประกวด และปรับเปลี่ยนเป็นการบูรณา

การโดยให้ครูใช้การวัดผลตามสมรรถนะ ตามความก้าวหน้าของผู้เรียน เน้นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์

เปลี่ยนจากการบ้านที่ฝึกการท่องจำเป็นการสะท้อนความคิดของผู้เรียนเพื่อนำมาบูรณา

การกับชีวิตจริง

5.สร้างโอกาสทางการศึกษาให้มีความเท่าเทียม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากทรัพยากรของแต่ละโรงเรียนมี

ความแตกต่างกัน

6.ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งในเรื่องการเรียนการสอน และการบริหารสำนักงานและ

สถานศึกษาต่างๆ

7.การแก้ไขหนี้สินครู ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐมนตรีชุดก่อน นำโดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการ ศธ.

ทำได้ดี เพราะอาชีพครูเป็นอาชีพที่มีภาระทางการเงินสูงมาก ซึ่งทำให้กระทบต่อการสอนและส่งผลต่อผู้เรียน

 ฉะนั้น ควรจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ของครูที่อยู่กับสหกรณ์ครูต่างๆ ทั่วประเทศ หรือหาดอกเบี้ยราคาถูก

สำหรับครูในการกู้เงินกับธนาคารต่างๆ 

สำหรับรัฐมนตรีใหม่ของ ศธ.ทั้ง 3 คน อย่างนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. น.ส.ลิณธิภรณ์

 วริณวัชรโรจน์ และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. โดยมี 2 คนที่เคยเป็นอาจารย์ใน

มหาวิทยาลัย ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่อย่างน้อยยังเป็นคนที่อยู่ในแวดวงการศึกษา แตกต่างจากอดีต

รัฐมนตรีที่ผ่านมาที่ส่วนใหญ่จะเป็นตำรวจ ทหาร ซึ่งการเป็นอาจารย์ก็น่าจะมีหัวใจที่รักเด็ก จึงฝากความหวัง

ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแม้อาจจะดำรงตำแหน่งไม่นานก็ตาม” นายณรินทร์กล่าว

 

‘นักวิชาการ’ชง7ข้อปฏิรูปการศึกษา ปรับหลักสูตรยืดหยุ่น-คืนครูสู่ห้องเรียน เชื่อ‘รมต.’อดีตอาจารย์-ฝาก

ความหวังได้ 

ที่มา ; มติชนออนไลน์ วันที่ 6 กรกฎาคม 2568 

เกี่ยวข้องกัน

นโยบาย รมว.ศธ. หนุนลดภาระครู-เพิ่มสวัสดิการ ย้ำการศึกษาไทยไม่แพ้ชาติใด 

วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นพื้นฐานครบรอบ 22 ปี พร้อมด้วยนางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  (รมช.ศธ.) นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาจาก สพฐ. ในส่วนกลาง และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เข้าร่วม ณ ลานจอดรถอาคารสามัญ 99 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting และ OBEC Channel 

รมว.ศธ. กล่าวตอนหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ถือเป็นภารกิจหลักของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเป็นส่วนส่วนสำคัญสำคัญช่วยส่งเสริม พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ให้มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีมีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจ มีสติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การศึกษาของไทยจำเป็นต้องก้าวต่อไป พร้อมเผชิญกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับระบบการศึกษาไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างคนไทยให้มีความรู้และมีคุณภาพจึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน ให้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างยั่งยืน เพราะการศึกษาถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ 

ตนเองถือว่าเป็นผลผลิตของ สพฐ. จบจากโรงเรียนในสังกัด สพฐ. เมื่อมีคนพูดถึงการศึกษาจึงไม่เชื่อ เพราะได้พิสูจน์ด้วยการเรียนของตนเอง ที่สามารถเรียนจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งในประเทศ และสอบชิงทุนไปเรียนต่อ  มหาวิททยาลัยในต่างประเทศ ด้วยคะแนนที่สูงกว่านักเรียนนานาชาติ จึงเชื่อเสมอว่า “การศึกษาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” แต่หากถามถึงจุดที่ต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ก็ต้องยอมรับว่ายังมีอยู่ ซึ่งตนเองขอฝากไปยังผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหาร สพฐ. ครู และบุคลากร ให้ช่วยกันคิดเพื่อพัฒนางานด้านการศึกษา

  • อันดับแรกคือการลดภาระงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ครูในประเทศไทยกว่า 500,000 คนได้มีเวลาพัฒนางานของตนเอง และมุ่งสอนลูกศิษย์ให้มากยิ่งขึ้น
  • สองคือเรื่องของสวัสดิการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อไม่ให้ครูต้องห่วงหน้าพะวงหลัง และทำหน้าที่หลักของครูให้ดีที่สุด
  • สามคือเรื่องของวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย และหน้าที่ความเป็นพลเมือง เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ที่มาที่ไปของระบอบการปกครองของประเทศ ที่เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
  • เรื่องทีสี่ เรื่องของการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ และเรื่องของการพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หากสามารถดำเนินการปรับปรุงได้ทันในห้วงต่อไป ขอให้ สพฐ. ช่วยในเรื่องของการปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่

สำหรับการทำงาน ขอให้เป็นในลักษณะของครอบครัวเดียวกัน มีอะไรปรึกษาหารือกันด้วยความเข้าอกเข้าใจ เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาการศึกษาของประเทศ” รมว.ศธ. ย้ำ 

รมว.ศธ. กล่าว ชื่นชมผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ รวมไปถึงอดีตรัฐมนตรีที่ผ่าน ๆ มาทุกท่าน นโยบายใดที่เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ก็จะดำเนินการสานต่อนโยบายเหล่านั้นต่อไป ทั้งนี้ ไม่ต้องการทำงานแบบ Top-Down แต่ต้องการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ขอฝากให้กระทรวงศึกษาธิการรับฟังความคิดเห็นของครู ผู้บริหาร และองค์กร ต่าง ๆ เช่น คณะกรรมาธิการการศึกษา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น เพื่อนำมาปรับปรุงนโยบายขับเคลื่อนงานการศึกษาในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาวต่อไป 

รมว.ศธ.นฤมล” ควง รมช.ศธ. ร่วมสถาปนา สพฐ. ครบ 22 ปี เชื่อการศึกษาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก พร้อมจับมือสพฐ. ลดภาระงานครู เพิ่มสวัสดิการครูไทย  

ที่มา ; สยามรัฐออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2568