โครงการจัดตั้งสหกรณ์กลาง สกสค. เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครู
สหกรณ์กลาง คืนหัวใจแห่งความเป็นธรรมให้ครูไทย ยกระดับคุณภาพชีวิต-การศึกษา
“สหกรณ์กลาง คืนหัวใจแห่งความเป็นธรรมให้ครูไทย” “สหกรณ์ที่แท้ต้องไม่ใช่แหล่งเงินกู้ แต่เป็นแหล่งของความเมตตาและความ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” คำกล่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้จบการศึกษาด้านการเงิน
เมื่อวันที่ 20 ต.ค. แอคเคาท์ Tiktok แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบาย ‘สหกรณ์กลาง’ ของ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแก้ปัญหาหนี้ของครูไทยว่า
1. ดอกเบี้ย 7% กับคำถามทางศีลธรรมของระบบสหกรณ์ หัวใจของสหกรณ์ คือ “การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” (Mutual Aid Principle) ไม่ใช่ “การแสวงหากำไรจากเพื่อนสมาชิกที่เดือดร้อน”
แต่ในวันนี้ หลายสหกรณ์กลับกำหนด อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 6-7%ต่อปีทั้งที่ สมาชิกคือครู ผู้ทำหน้าที่หล่อหลอมเยาวชนของชาติ ดอกเบี้ยเช่นนี้ไม่เพียงขัด หลักเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 แต่ยังขัดต่อเจตนารมณ์ของ “พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542″ ซึ่งบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า สหกรณ์ตั้งขึ้นเพื่อ“พึ่งตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” (Self-Help and Mutual Aid)
ดังนั้น สหกรณ์ที่มุ่งหากำไรจากสมาชิกด้วยอัตราดอกเบี้ยสูง ย่อมเบี่ยงเบนจากอุดมการณ์ดั้งเดิมของระบบสหกรณ์ไทย
2. รัฐมนตรีที่เข้าใจทั้งการเงินและหัวใจของครู เมื่อ รมว.ศธ. กล่าวว่า “ท่านจบมาทางด้านการเงิน”จึงทำให้คำพูดของท่านมี ความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่าคำแถลงนโยบายทั่วไป เพราะท่านไม่ได้มองเพียง ตัวเลขดอกเบี้ย แต่เห็นถึง “โครงสร้างความเหลื่อมล้ำทางโอกาสทางการ เงิน”ระหว่างครูในสังกัดทั่วประเทศ ที่บางจังหวัดกู้ได้ในอัตรา 5% แต่บาง แห่งต้องจ่ายถึง 7% ทั้งที่ฐานะสมาชิกเหมือนกันทุกประการ นั่นไม่ใช่ระบบสหกรณ์ แต่คือ “ระบบธุรกิจที่ใช้ชื่อสหกรณ์บังหน้า”
3. สหกรณ์กลาง จุดเริ่มต้นของการปฏิรูปความเป็นธรรมทางการเงิน แนวนโยบายของ รมว.ศธ. ที่เสนอให้จัดตั้ง “สหกรณ์กลางครูแห่งชาติ” จึงไม่ใช่การเพิ่มองค์กร แต่เป็น “การคืนหลักสหกรณ์ให้กลับมามีชีวิตอีก ครั้ง” สหกรณ์กลางจะทำหน้าที่เป็น
3.1 กลไกกลางกำหนดเพดานดอกเบี้ยและมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
3.2 ศูนย์รวมข้อมูลทางการเงินเพื่อป้องกันการเอาเปรียบสมาชิก
3.3 องค์กรกำกับธรรมาภิบาลของสหกรณ์ครูทุกจังหวัด
นี่คือ “การเงินเพื่อครู” ไม่ใช่ “การเงินเหนือครู”
4. คำถามของผู้ร่างกฎหมายเก่า “จะใช้กฎหมายใดตั้งสหกรณ์กลาง?” ไม่น่าเชื่อว่า บุคคลที่อ้างตนว่าเป็น “ผู้ทรงคุณวุฒิผู้ยกร่างพระราชบัญญัติ สหกรณ์ พ.ศ. 2542” กลับตั้งคำถามในเชิงท้าทายว่า “สกสค.จะใช้กฎหมายใดมาตั้งสหกรณ์กลาง?” คำถามนี้มิใช่คำถามเชิงวิชาการ แต่คือ คำถามที่ขาดจิตสำนึกแห่งการพัฒนา
เพราะพระราชบัญญัติสหกรณ์ฯ เอง เปิดช่องไว้ชัดใน มาตรา 5 และมาตรา 6 ที่กำหนดให้ “บุคคลจะจัดตั้งสหกรณ์เพื่อดำเนินการร่วมกันตามประเภท กิจการที่กฎหมายกำหนดได้” โดยการจัดตั้งสหกรณ์กลางในลักษณะ “สหกรณ์ระดับชาติ” สามารถทำได้ภายใต้เจตนารมณ์แห่งกฎหมายเดิม เพียงต้องเสนอผ่าน กระบวนการจดทะเบียนตามระเบียบของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดังนั้น คำถามที่ว่าทำไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ จึงสะท้อนความไม่ เข้าใจเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ตนเองอ้างว่าเป็นผู้ร่าง
แท้จริงแล้ว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “กฎหมาย” แต่อยู่ที่ “ใจของผู้ตีความ กฎหมาย” หากหัวใจมุ่งสร้างสรรค์ กฎหมายย่อมหาทางเปิด แต่ถ้าหัวใจมุ่ง ปิดกั้น กฎหมายก็ถูกใช้เป็นกำแพง
5. สหกรณ์ที่มีหัวใจ ย่อมสร้างครูที่มีศักดิ์ศรี ครูไม่ต้องการการอุปถัมภ์ แต่ต้องการระบบที่ให้ความเป็นธรรม สหกรณ์ที่แท้ไม่ควรทำหน้าที่เหมือนนายทุน แต่ควรเป็น “ร่มแห่งความมั่นคง” ให้ครูได้พึ่งพาในยามยาก “ถ้าสหกรณ์คือหัวใจเศรษฐกิจของครู สหกรณ์กลางต้องเป็นลมหายใจแห่งความยุติธรรม”
6. บทสรุป นโยบาย “สหกรณ์กลาง” ของ รมว.ศธ. คือการฟื้นฟูหลักสหกรณ์ตาม อุดมการณ์ดั้งเดิมให้กลับมาสอดคล้องกับสังคมปัจจุบัน เป็นการคืนความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ และเป็นการส่งสัญญาณว่า “การเงินของครู” จะต้องอยู่ บนหลักคุณธรรม ไม่ใช่ผลประโยชน์
“การปฏิรูปสหกรณ์ ไม่ได้เริ่มจากการเปลี่ยนกฎหมาย แต่อยู่ที่การเปลี่ยน หัวใจของคนในระบบ ให้กลับมาช่วยเหลือกันอีกครั้ง”
ที่มา ; สยามรัฐออนไลน์ วันที่ 21 ตุลาคม 2568
เกี่ยวข้องกัน
โครงการจัดตั้งสหกรณ์กลาง สกสค. เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครู
ความตอนหนึ่งของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในการลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา รับฟังปัญหา มอบสิ่งของและขวัญกำลังใจ ณ โรงเรียนมัธยมด่านขุนทด วิทยาเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ และโรงเรียนห้วยแแถลงพิทยา เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568
“เรื่องแก้ปัญหาหนี้สินครูได้หารือร่วมกับ สกสค.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยให้ สกสค.สามารถจัดตั้งสหกรณ์กลางได้ และบรรจุเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อเวียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลักการก็คือเราต้องการที่จะขอมติที่ประชุม เพื่อที่จะขอความร่วมมือ ธกส. ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยอัตราพิเศษ ไม่ว่าครูที่เป็นหนี้ตามสหกรณ์กับออมทรัพย์ครูทั้งหลาย ให้โอนหนี้และย้ายการเป็นสมาชิกมาเป็นสมาชิกของสหกรณ์กลาง โดยตั้งดอกเบี้ยแรกก็จะเป็น 0% ต่อปี ปีต่อไป 1% 2% 3% ตามลำดับ และจบที่ 4% แต่จะมีเงื่อนไขว่าจะไม่ก่อหนี้เพิ่มอีก โดยเราจะจะเริ่มต้นที่หนึ่งแสนล้านบาทแรก เมื่อมติอนุมัติก็จะดำเนินการจัดตั้งและเตรียมความพร้อมเพื่อประสานงานกับ ธกส และสำนักงบประมาณ”
ที่มา : ศธ.๓๖๐ องศา
เกี่ยวข้องกัน
รมว.ศธ. “นฤมล” ไฟเขียว ตั้ง ‘สหกรณ์กลาง’ สกสค.แก้หนี้ครูเตรียมเสนอ ครม.อนุมัติทุนสำรอง 1 แสนล้าน เชื่อมั่น คุณภาพชีวิตครูจะดีขึ้น
21 สิงหาคม 2568/ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ครั้งที่ 5/2568 ว่า ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบหลักการของโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างยั่งยืน โดยขอให้ฝ่ายเลขานุการศึกษาข้อมูลและจัดทำรายละเอียดของโครงการ เพื่อนำเสนอให้แก่คณะกรรมการฯ พิจารณาในการประชุมคราวต่อไป
สำหรับโครงการจัดตั้งสหกรณ์กลาง สกสค.จะดำเนินการร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถาบันการเงิน ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของรวมหนี้ทั้งระบบจะเป็นการโอนหุ้น และโอนหนี้ พร้อมกับการันตีอัตราดอกเบี้ยต่ำให้ในการปรับโครงสร้างหนี้ โดยเฟสแรกจะเปิดให้ครูลงทะเบียนในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งได้กำหนดวงเงินทุนสำรองสำหรับปล่อยกู้ประมาณ 1 แสนล้านบาท และมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปีแรก 0% ไปจนถึงปีที่ 4 ดอกเบี้ยไม่เกิน 4% เพื่อลดภาระหนี้ครู รวมถึงงบประมาณที่จะต้องนำมาชดเชยกรณีที่มีการลดหย่อนดอกเบี้ยให้แก่ครูที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ในปีแรก 0% ในวงเงิน 6,000 ล้านบาท จะเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาด้วยเช่นกัน
“ขอฝากคณะกรรมการ สกสค.เป็นความหวังให้แก่ ข้าราชการครูที่ปฏิบัติงานอยู่และเกษียณอายุราชการแล้ว สำหรับการแก้ปัญหาหนี้สินครู ดิฉันต้องการให้ครูทุกคนได้เข้าอบรมหลักสูตรวางแผนทางการเงิน เพื่อป้องกันการก่อหนี้ในอนาคต อีกทั้งสหกรณ์กลาง สกสค.จะดำเนินตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยจะนำเข้าระบบเครดิตบูโรด้วย“ศ.ดร.นฤมล กล่าว
คณะกรรมการ สกสค. เห็นชอบ “โครงการสวัสดิการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา 2568” ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. เสนอ เพื่อจัดตั้ง “สหกรณ์กลาง” ให้เงินกู้เพื่อรับโอนหนี้ของครูและบุคลากรทางการศึกษาจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มารวมไว้ที่เดียวกัน ในวงเงินรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 0 - 4% ต่อปี
ที่มา : ศธ.๓๖๐ องศา
เกี่ยวข้องกัน
"สหกรณ์กลางครู" ศูนย์จัดการหนี้ดอกเบี้ยต่ำ: ศธ. รับลูกครูบำนาญ 1,665 รายชื่อ เร่งฟื้นฟูคุณภาพชีวิตครูทั่วประเทศ
วันที่ 17 ตุลาคม 2568 ที่ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ นายวีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้เข้าร่วมรับหนังสือและรับฟังข้อเสนอจากแกนนำข้าราชการครูบำนาญ 9 จังหวัดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี นายปรีดา บุญเพลิง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม นอกจากนี้ยังมี นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ นายพลพิพัฒน์ วัฒนเศรษฐานุกุล ผู้อำนวยการศูนย์ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา (ศนค.) เข้าร่วมรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูในครั้งนี้ด้วย
ในการประชุมดังกล่าว แกนนำครูทั้ง 10 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครราชสีมา ยโสธร กาฬสินธุ์ และชัยภูมิ ได้ร่วมกันร่างข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีความต้องการให้มีการจัดตั้ง "สหกรณ์กลางครู" ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการจัดการหนี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ข้อเสนอนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีหนี้สินเกินศักยภาพอย่างเป็นระบบ และได้เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้ดำเนินการตามระเบียบของกระทรวงฯ โดยมีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนข้อเสนอดังกล่าวเป็นจำนวนถึง 1,665 รายชื่อ พร้อมกันนี้ยังได้เสนอให้ สำนักงานยุติธรรมจังหวัด กระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมดำเนินการไกล่เกลี่ยหนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหามีความยั่งยืน
ด้าน นายปรีดา บุญเพลิง ได้กล่าวเน้นย้ำว่า ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายให้จัดตั้งสหกรณ์กลางโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจาก "ครูคือหัวใจของ สพฐ." ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีคณะทำงานที่เข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง และดำเนินการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งทางกระทรวงฯ จะดำเนินการอย่างเต็มที่ให้แล้วเสร็จอย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ ประธานในที่ประชุมได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยศูนย์ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา (ศนค.) ดำเนินการเร่งติดตามสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ให้ดำเนินการจัดลำดับการหักเงินบำนาญเพื่อชำระหนี้รายเดือนตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ที่ กค 0420.1/ว285 นอกจากนี้ยังต้องให้ความช่วยเหลือครูในกลุ่มเปราะบาง ตามกฎกระทรวงการนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดของผู้รับบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน พ.ศ. 2554 เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและมีความมั่นคงทางการเงินได้อย่างยั่งยืน
ที่มา ; สยามรัฐ 17 ตุลาคม 2568
สรุปสาระสำคัญของข่าว
นโยบาย “สหกรณ์กลาง คืนหัวใจแห่งความเป็นธรรมให้ครูไทย” ของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของครู โดยฟื้นฟูอุดมการณ์แท้ของระบบสหกรณ์ให้เป็นแหล่งช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใช่แหล่งแสวงหากำไรจากสมาชิก สหกรณ์กลางครูแห่งชาติจะทำหน้าที่กำหนดเพดานดอกเบี้ยมาตรฐานเดียวทั่วประเทศ เป็นศูนย์รวมข้อมูลทางการเงิน ป้องกันการเอาเปรียบสมาชิก และกำกับธรรมาภิบาลของสหกรณ์ครูในแต่ละจังหวัด โครงการนี้ดำเนินการร่วมกับ สกสค. ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปีแรก 0% และไม่เกิน 4% ในปีที่ 4 เพื่อให้ครูโอนหนี้มารวมที่เดียวและลดภาระดอกเบี้ย ทั้งยังตั้งเป้าสร้างระบบการเงินที่เป็นธรรม โปร่งใส และยั่งยืน ถือเป็นการคืนคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นครู พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและคุณภาพการศึกษาไทยในระยะยาว
ข้อสอบแบบเลือกตอบ
1.จุดประสงค์สำคัญของนโยบาย “สหกรณ์กลางครูแห่งชาติ” คือข้อใด
ก. สร้างรายได้ให้สหกรณ์ครูทั่วประเทศ
ข. ลดภาระหนี้สินและคืนความเป็นธรรมทางการเงินให้ครู
ค. ส่งเสริมการลงทุนของสหกรณ์ในตลาดทุน
ง. ปรับโครงสร้างการศึกษาระดับชาติ
คำตอบ: ข
2.ตามแนวนโยบาย สหกรณ์กลางจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในปีแรกไว้เท่าใด
ก. 0%
ข. 2%
ค. 3%
ง. 4%
คำตอบ: ก